ทำไมพระเจ้าจึงทำสงครามกับชาวคะนาอัน?
ทำไมพระเจ้าจึงทำสงครามกับชาวคะนาอัน?
“จงทำลายเขาเสียให้สิ้นเชิงคือคนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนคานาอัน คนเปริสซี คนฮีไวต์และคนเยบุส ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงบัญชาไว้.”—พระบัญญัติ 20:17, ฉบับ R73
“จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน.”—โรม 12:18, ฉบับ R73
คุณรู้สึกว่าข้อคัมภีร์สองข้อนี้ดูเหมือนขัดแย้งกันไหม? หลายคนพยายามทำให้คำสั่งของพระเจ้าที่ให้ทำลายชาวคะนาอันกับคำกระตุ้นเตือนของคัมภีร์ไบเบิลที่ให้อยู่อย่างสงบสุขสอดคล้องลงรอยกันให้ได้. * (ยะซายา 2:4; 2 โครินท์ 13:11) สำหรับพวกเขาแล้วคำสั่งสองข้อนี้ดูเหมือนขัดแย้งกันในแง่ของจริยธรรม.
ถ้าคุณสามารถสนทนากับพระเจ้าในเรื่องนี้ได้ คุณจะถามอะไร? ขอพิจารณาคำถามห้าข้อที่ผู้คนทั่วไปมักจะสงสัยและคำตอบจากคัมภีร์ไบเบิล.
1. ทำไมชาวคะนาอันจึงถูกกำจัดออกไป? ในแง่หนึ่งชาวคะนาอันคือผู้บุกรุกเข้าไปอาศัยในดินแดนที่ไม่ใช่ของตนเอง. เป็นเช่นนั้นอย่างไร? ประมาณ 400 ปีก่อนหน้านั้น พระเจ้าได้สัญญากับอับราฮามชายผู้ซื่อสัตย์ว่า ลูกหลานของท่านจะได้แผ่นดินคะนาอันเป็นกรรมสิทธิ์. (เยเนซิศ 15:18) พระเจ้ารักษาคำสัญญาของพระองค์โดยช่วยให้ชาติอิสราเอลซึ่งสืบเชื้อสายจากอับราฮามได้ยึดครองดินแดนแถบนั้น. จริงอยู่ บางคนอาจแย้งว่าชาวคะนาอันอยู่ที่นั่นมาก่อนแล้ว ฉะนั้นพวกเขาก็มีสิทธิ์ในดินแดนนั้น. แต่แน่นอน ในฐานะผู้ใหญ่ยิ่งที่สุดในเอกภพ พระเจ้าย่อมมีสิทธิ์สูงสุดที่จะตัดสินว่าใครจะอาศัยอยู่ที่ใด.—กิจการ 17:26; 1 โครินท์ 10:26
2. ทำไมพระเจ้าจึงไม่ยอมให้ชาวคะนาอันอยู่ร่วมกับชาวอิสราเอล? พระเจ้าได้ทรงเตือนเกี่ยวกับชาวคะนาอันไว้ว่า “เขาจะอาศัยในแผ่นดินของเรามิได้เลย, เกรงว่าเขาจะกระทำให้เจ้าผิดต่อเรา; เพราะว่าถ้าพวกเจ้าจะปรนนิบัติพระของเขา, ก็จะเป็นบ่วงแร้วแก่เจ้าเป็นแน่.” (เอ็กโซโด 23:33) ต่อมา ผู้พยากรณ์โมเซได้บอกกับชาวอิสราเอลว่า “เพราะเหตุความชั่วของชาวประเทศเหล่านั้น, พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าจึงได้ขับไล่เขาทั้งหลายออกเสีย.” (พระบัญญัติ 9:5) ชาติเหล่านั้นชั่วช้าขนาดไหน?
การผิดศีลธรรม, การนมัสการนอกรีต, และการบูชายัญเด็กมีอยู่แพร่หลายในคะนาอัน. เฮนรี เอช. ฮัลเลย์ นักประวัติศาสตร์ด้านคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า นักโบราณคดีที่ขุดค้นบริเวณนั้น “ได้พบไหจำนวนมากมายที่บรรจุกระดูกของเด็กซึ่งถูกบูชายัญแก่บาอัล [เทพเจ้าองค์สำคัญของชาวคะนาอัน].” เขากล่าวอีกว่า “ทั่วทั้งแผ่นดินเป็นสุสานของทารกแรกเกิด. . . . ชาวคะนาอันนมัสการโดยการทำผิดศีลธรรมทางเพศต่อหน้าพระของตนโดยถือว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา และแล้วก็ฆ่าบุตรหัวปีของตนเพื่อบูชายัญแด่พระองค์เดียวกันนั้น. ดูเหมือนว่า คะนาอันทั่ว
ทั้งแผ่นดินได้กลายเป็นเหมือนโซโดมและโกโมร์ราห์. . . . นักโบราณคดีที่ขุดซากเมืองของชาวคะนาอันสงสัยว่าทำไมพระเจ้าไม่ทำลายพวกเขาให้เร็วกว่านี้.”3. ในเวลานั้นไม่มีชาติอื่นที่ชั่วช้าบนแผ่นดินโลกอีกแล้วหรือ? ทำไมจึงเจาะจงทำลายแต่ชาวคะนาอัน? พระเจ้าเคยสำเร็จโทษคนบาปแบบเจาะจงเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง. ในสมัยของโนอาห์ เมื่อ “คนทั้งโลกชั่วช้าเลวทราม” พระเจ้าได้ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เพื่อทำลายมนุษย์ทุกคน เว้นแต่ครอบครัวเดียว คือครอบครัวของโนอาห์. (เยเนซิศ 6:11; 2 เปโตร 2:5) พระเจ้าได้ทรงทำลายเมืองโซโดมและโกโมร์ราห์เมื่อบาปของชาวเมืองนั้น “รุนแรงนัก.” (เยเนซิศ 18:20; 2 เปโตร 2:6) และพระองค์ได้ประกาศว่าจะสำเร็จโทษนีเนเวห์เมืองหลวงของอัสซีเรียซึ่งเป็น “นครอันแปดเปื้อนไปด้วยโลหิต” แม้ว่าภายหลังพระองค์ไม่ได้ทำเมื่อชาวเมืองนั้นได้กลับใจจากทางชั่วของเขา. (นาฮูม 3:1; โยนา 1:1, 2; 3:2, 5-10) สำหรับชาวคะนาอัน พระเจ้าทรงทำลายพวกเขาเพื่อปกป้องชาติอิสราเอลซึ่งเป็นชาติที่ในที่สุดจะให้กำเนิดพระมาซีฮา.—บทเพลงสรรเสริญ 132:11, 12
4. การทำลายชาวคะนาอันไม่ขัดกับความรักของพระเจ้าหรือ? การที่พระเจ้าทำลายชาวคะนาอันดูเผิน ๆ เหมือนจะขัดกับความรักของพระองค์. (1 โยฮัน 4:8) แต่เราจะเห็นความรักของพระเจ้าชัดเจนขึ้นเมื่อเราพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน.
พระเจ้าทรงทราบมานานแล้วว่าชาวคะนาอันทำสิ่งที่ชั่วช้า. แต่แทนที่จะกำจัดพวกเขาในทันที พระองค์ได้ทรงอดทนนานถึง 400 ปีจนกระทั่งความผิดของพวกเขา “ครบถ้วน.”—เยเนซิศ 15:16
เมื่อบาปของชาวคะนาอันมาถึงขีดที่ไม่มีทางจะแก้ไขได้แล้ว พระยะโฮวาจึงทำลายพวกเขา. กระนั้น พระองค์ก็ไม่ได้ประหารชีวิตชาวคะนาอันทุกคน โดยไม่เลือก. เพราะเหตุใด? เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนชั่วช้าเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงได้. คนที่เต็มใจจะเปลี่ยนแปลง เช่น ราฮาบและชาวกิบโอน ก็ได้รับความเมตตาจากพระองค์.—ยะโฮซูอะ 9:3-11, 16-27; ฮีบรู 11:31
5. เป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าแห่งความรักจะทำลายมนุษย์ไม่ว่าคนใด ๆ? ไม่แปลกที่ผู้คนจะสงสัยเช่นนั้น เพราะการทำลายชีวิตมนุษย์เป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดี. แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพราะความรักที่กระตุ้นพระเจ้าให้ใช้มาตรการที่รุนแรงเช่นนั้นกับคนชั่ว. เพื่อเป็นตัวอย่าง: เมื่อคนไข้มีเนื้อตายเน่าแพทย์ส่วนใหญ่มักไม่มีทางเลือกนอกจากตัดส่วนที่
ติดเชื้อนั้นออกไป. แทบไม่มีหมอคนไหนอยากทำอย่างนั้น แต่หมอที่ดีก็รู้ว่าหากปล่อยให้แผลติดเชื้อนั้นลุกลามไปก็จะเลวร้ายยิ่งกว่า. เนื่องจากหมอเป็นห่วงคนไข้เขาจึงต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำเพื่อประโยชน์ของคนไข้เอง.ทำนองเดียวกัน พระยะโฮวาก็ไม่ได้ชอบพระทัยที่จะทำลายชาวคะนาอัน. พระองค์เองได้ตรัสว่า “เรามิได้ชอบพระทัยในความตายแห่งคนชั่ว.” (ยะเอศเคล 33:11) ขณะเดียวกัน พระองค์ก็มีพระประสงค์ให้มาซีฮามากำเนิดในชาติอิสราเอลเพื่อเปิดทางให้ทุกคนที่แสดงความเชื่อได้รับความรอด. (โยฮัน 3:16) ดังนั้น พระเจ้าไม่อาจยอมให้ชาติอิสราเอลเสื่อมเสียเนื่องจากกิจปฏิบัติที่น่ารังเกียจของชาวคะนาอัน. พระองค์จึงสั่งให้กำจัดหรือไล่ชาวคะนาอันออกไปจากแผ่นดินนั้น. ด้วยการทำเช่นนั้น พระเจ้าได้แสดงความรักที่ไม่มีใดเทียบได้ ซึ่งเป็นความรักที่กระตุ้นให้พระองค์ทำสิ่งที่ไม่อยากทำเพื่อประโยชน์ของผู้นมัสการที่ซื่อสัตย์ของพระองค์.
คุณค่าสำหรับพวกเรา
บันทึกเกี่ยวกับการทำลายชาวคะนาอันมีคุณค่าสำหรับพวกเราในทุกวันนี้ไหม? แน่นอน เพราะโรม 15:4 กล่าวว่า “ทุกสิ่งที่เขียนไว้ก่อนแล้วก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังโดยความเพียรอดทนของเราและโดยการชูใจจากพระคัมภีร์.” สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวคะนาอันสอนเราและทำให้เรามีความหวังอย่างไร?
เรื่องราวเหล่านี้สอนเราหลายอย่าง. ตัวอย่างเช่น พระเจ้าได้ทรงแสดงความเมตตาโดยไว้ชีวิตราฮาบและชาวกิบโอนเมื่อพวกเขาเข้ามาเชื่อถือพระองค์. เรื่องนี้เตือนใจเราว่าใครก็ตามที่ต้องการจริง ๆ ที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัยก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะมีภูมิหลังเช่นไรหรือเคยทำบาปอะไรมาก็ตาม.—กิจการ 17:30
บันทึกเรื่องการทำลายชาวคะนาอันยังให้ความหวังแก่เราโดยช่วยให้เรามองเห็นภาพล่วงหน้าว่าพระเจ้าจะทรงทำอะไรในอนาคต. บันทึกเหล่านี้ทำให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าจะไม่ปล่อยให้คนชั่วทำลายคนดีจนหมดสิ้น. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น คัมภีร์ไบเบิลรับรองว่า ในไม่ช้าพระองค์จะลงมือกำจัดคนชั่วทั้งสิ้น และขณะเดียวกันก็จะช่วยคนที่รักพระองค์ให้รอดเข้าสู่โลกใหม่ที่ชอบธรรม. (2 เปโตร 2:9; วิวรณ์ 21:3, 4) เมื่อถึงเวลานั้น ถ้อยคำที่ให้กำลังใจนี้ก็จะสำเร็จเป็นจริงที่ว่า “จงคอยท่าพระยะโฮวา. และรักษาทางของพระองค์ไว้, แล้วพระองค์จะทรงโปรดให้ท่านเลื่อนขึ้นได้มฤดกที่แผ่นดินนั้น: ท่านคงจะได้เห็น, เมื่อคนชั่วต้องถูกตัดขาดเสีย.”—บทเพลงสรรเสริญ 37:34
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 4 ในบทความนี้ คำว่า “ชาวคะนาอัน” หมายถึงชาติทั้งปวงที่พระเจ้าสั่งให้ชาวอิสราเอลกำจัดออกไปจากแผ่นดินนั้น.
[กรอบหน้า 14]
คัมภีร์ไบเบิลเห็นชอบกับสงครามของมนุษย์ไหม?
การที่พระเจ้าบัญชาให้ชาติอิสราเอลทำลายชาวคะนาอันเป็นข้อพิสูจน์ไหมว่าการทำสงครามของมนุษย์ในปัจจุบันเป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรม? ไม่เลย มีเหตุผลอย่างน้อยสามประการ:
▪ ไม่มีชาติใดในโลกทุกวันนี้ที่พระเจ้าโปรดปรานเป็นพิเศษ. เมื่อชาวอิสราเอลไม่ยอมรับพระเยซูฐานะพระมาซีฮา พวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติใด ๆ อีกต่อไปที่จะเป็นตัวแทนของพระเจ้า รวมทั้งเป็นผู้สำเร็จโทษแทนพระเจ้า. (มัดธาย 21:42, 43) พระยะโฮวาจึงถือว่าชาวอิสราเอลก็ไม่ต่างอะไรกับชาติอื่น ๆ. (เลวีติโก 18:24-28) นับแต่นั้นมา ไม่มีชาติใดในโลกมีสิทธิ์ที่จะอ้างได้ว่าพวกเขาทำสงครามโดยได้รับการหนุนหลังจากพระเจ้า.
▪ พระยะโฮวาไม่ได้ประทานแผ่นดินหรือเขตแดนทางภูมิศาสตร์ใด ๆ โดยเฉพาะให้กับผู้นมัสการพระองค์. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ผู้รับใช้ของพระองค์มีอยู่ใน “ทุกประเทศ ทุกตระกูล” บนโลกนี้.—วิวรณ์ 7:9; กิจการ 10:34, 35
▪ พระเยซูทรงบอกชัดว่าผู้ติดตามพระองค์จะไม่เข้าร่วมในสงคราม. เมื่อเตือนถึงการโจมตีกรุงเยรูซาเลมที่ใกล้เข้ามา พระองค์สั่งเหล่าสาวกว่าไม่ให้อยู่ในกรุงและต่อสู้ แต่ให้หนี และพวกเขาก็ทำตาม. (มัดธาย 24:15, 16) แทนที่จะจับอาวุธ คริสเตียนแท้วางใจอย่างเต็มที่ในราชอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งในไม่ช้าจะขจัดความชั่วทั้งสิ้นให้หมดไปจากโลกนี้.—ดานิเอล 2:44; โยฮัน 18:36
[ภาพหน้า 15]
ตัวอย่างของราฮาบแสดงว่าใคร ๆ ก็สามารถทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้หากเขาต้องการจริง ๆ