รักษามิตรภาพไว้ในโลกที่ไร้ความรัก
รักษามิตรภาพไว้ในโลกที่ไร้ความรัก
“สิ่งเหล่านี้เราสั่งเจ้าทั้งหลายไว้เพื่อพวกเจ้าจะได้รักกัน.”—โย. 15:17
1. เหตุใดคริสเตียนในศตวรรษแรกจึงต้องรักษามิตรภาพที่แนบแน่นไว้เสมอ?
ระหว่างคืนสุดท้ายที่อยู่บนแผ่นดินโลก พระเยซูทรงสนับสนุนเหล่าสาวกที่ภักดีให้รักษามิตรภาพที่มีต่อกัน. ก่อนหน้านั้นในตอนเย็น พระองค์ตรัสว่าความรักที่พวกเขาแสดงต่อกันจะเป็นสิ่งที่ระบุว่าพวกเขาเป็นสาวกของพระองค์. (โย. 13:35) เหล่าอัครสาวกต้องรักษามิตรภาพที่แนบแน่นไว้เสมอ จึงจะอดทนการทดสอบในอนาคตและทำงานที่พระเยซูจะมอบหมายแก่พวกเขาในอีกไม่ช้าให้สำเร็จได้. ที่จริง ผู้คนรู้จักคริสเตียนในศตวรรษแรกเพราะความเลื่อมใสที่พวกเขามีต่อพระเจ้าอย่างไม่เสื่อมคลายและความผูกพันที่พวกเขามีต่อกันอย่างมั่นคง.
2. (ก) เราตั้งใจแน่วแน่จะทำอะไร และเพราะเหตุใด? (ข) เราจะพิจารณาคำถามอะไรบ้าง?
2 ปัจจุบัน นับเป็นความยินดีสักเพียงไรที่ได้สมทบกับองค์การระดับโลกซึ่งบรรดาสมาชิกทำตามแบบแผนที่คริสเตียนในศตวรรษแรกได้วางไว้! เราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำตามพระบัญชาของพระเยซูที่ให้แสดงความรักแท้ต่อกัน. 2 ติโม. 3:1-3) มิตรภาพที่พวกเขามีต่อกันมักเป็นแบบผิวเผินและเพื่อประโยชน์ของตัวเอง. เพื่อจะรักษาเอกลักษณ์ของเราในฐานะคริสเตียนแท้ เราต้องไม่มีทัศนคติอย่างนั้น. ดังนั้น ให้เรามาพิจารณากันว่า รากฐานของมิตรภาพที่ดีคืออะไร? เราจะสร้างมิตรภาพที่ดีได้อย่างไร? เราอาจต้องตัดขาดมิตรภาพเมื่อไร? และเราจะรักษามิตรภาพที่ส่งเสริมให้เราเจริญได้โดยวิธีใด?
อย่างไรก็ตาม ระหว่างสมัยสุดท้ายนี้ ผู้คนทั่วไปไม่มีความภักดีและไม่ได้แสดงความรักใคร่ตามธรรมชาติ. (รากฐานของมิตรภาพที่ดีคืออะไร?
3, 4. รากฐานของมิตรภาพที่มั่นคงแข็งแรงที่สุดคืออะไร และเพราะเหตุใด?
3 มิตรภาพที่มั่นคงแข็งแรงที่สุดอาศัยความรักต่อพระยะโฮวาเป็นรากฐาน. กษัตริย์โซโลมอนเขียนว่า “ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดทำร้ายเขา, สองคนคงจะช่วยเขาไว้ได้; เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้.” (ผู้ป. 4:12) เมื่อพระยะโฮวาทรงเป็นเกลียวที่สามในมิตรภาพใด มิตรภาพนั้นก็จะยั่งยืน.
4 จริงอยู่ คนเหล่านั้นซึ่งไม่รักพระยะโฮวาก็สามารถมีมิตรภาพที่ให้ความอิ่มใจได้ด้วย. แต่เมื่อแต่ละคนได้รับการชักนำให้มาเป็นเพื่อนกันโดยความรักที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อพระเจ้า มิตรภาพของพวกเขาจะไม่สั่นคลอน. เมื่อเกิดการเข้าใจผิด มิตรแท้จะปฏิบัติต่อกันอย่างที่ทำให้พระยะโฮวาพอพระทัย. หากผู้ต่อต้านพระเจ้าพยายามก่อให้เกิดความแตกแยก ศัตรูเหล่านี้ก็จะพบว่ามิตรภาพในหมู่คริสเตียนแท้มั่นคงอย่างยิ่ง. ตลอดประวัติศาสตร์ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาพร้อมจะเผชิญหน้ากับความตายมากกว่าจะทรยศกัน.—อ่าน 1 โยฮัน 3:16
5. เหตุใดมิตรภาพระหว่างรูทกับนาอะมีจึงยั่งยืนอย่างยิ่ง?
5 ไม่ต้องสงสัย มิตรภาพที่น่าพอใจที่สุดที่เราสามารถมีได้ก็คือมิตรภาพกับคนที่รักพระยะโฮวา. ขอให้พิจารณาตัวอย่างของรูทและนาอะมี. มิตรภาพของสตรีทั้งสองเป็นหนึ่งในมิตรภาพที่น่าชื่นชมที่สุดที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล. เหตุใดมิตรภาพของทั้งสองจึงยั่งยืน? รูทแสดงให้เห็นเหตุผลที่เป็นอย่างนั้นเมื่อเธอกล่าวกับนาอะมีว่า “ญาติพี่น้องของแม่, จะเป็นญาติพี่น้องของฉัน, และพระเจ้าของแม่จะเป็นพระเจ้าของฉันด้วย. . . . ขอพระยะโฮวาทรงกระทำดังนี้แก่ฉัน, และยิ่งกว่านี้อีก, ความมรณะสิ่งเดียวที่จะทำให้แม่กับฉันขาดจากกันและกันได้.” (รูธ. 1:16, 17) เห็นได้ชัดว่าทั้งรูทและนาอะมีต่างก็มีความรักอย่างลึกซึ้งต่อพระเจ้า และความรักนี้ส่งผลต่อวิธีที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกัน. ผลก็คือ สตรีทั้งสองได้รับพระพรจากพระยะโฮวา.
วิธีสร้างมิตรภาพที่ดี
6-8. (ก) มิตรภาพที่ยั่งยืนเป็นผลมาจากอะไร? (ข) คุณจะเป็นฝ่ายริเริ่มในการสร้างมิตรภาพได้อย่างไร?
6 ตัวอย่างของรูทและนาอะมีแสดงว่ามิตรภาพที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ. ความรักที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อพระยะโฮวาเป็นรากฐานของมิตรภาพนั้น. แต่มิตรภาพที่ยั่งยืนเป็นผลมาจากความเพียรพยายามและการเสียสละ. แม้แต่พี่น้องที่คลานตามกันมาซึ่งนมัสการพระยะโฮวาภายในครอบครัวคริสเตียนก็ยังต้องพยายามสร้างมิตรภาพที่ใกล้ชิดสนิทสนม.
ถ้าอย่างนั้น คุณจะสร้างมิตรภาพที่ดีได้อย่างไร?7 จงริเริ่ม. อัครสาวกเปาโลสนับสนุนเพื่อนในประชาคมที่กรุงโรมให้ “มีน้ำใจรับรองแขก.” (โรม 12:13) ดังนั้น เพื่อจะสร้างมิตรภาพที่ดีเราต้องใช้ทุกโอกาสเพื่อแสดงน้ำใจรับรองแขก. ไม่มีใครแสดงน้ำใจรับรองแขกแทนคุณได้. (อ่านสุภาษิต 3:27) วิธีหนึ่งที่คุณสามารถแสดงน้ำใจรับรองแขกได้ก็คือโดยเชิญบางคนในประชาคมให้มารับประทานอาหารง่าย ๆ ด้วยกัน. คุณจะแสดงน้ำใจรับรองแขกต่อพี่น้องในประชาคมของคุณเป็นประจำได้ไหม?
8 อีกวิธีหนึ่งที่คุณสามารถริเริ่มในการสร้างมิตรภาพก็คือโดยชวนบางคนไปด้วยกันในงานประกาศ. เมื่อคุณยืนอยู่หน้าบ้านของเจ้าของบ้านที่ไม่รู้จักกันเลยและฟังเพื่อนที่ไปด้วยกันพูดอย่างที่ออกมาจากหัวใจเกี่ยวกับความรักที่เขามีต่อพระยะโฮวา คุณคงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผูกพันใกล้ชิดกับเขามากขึ้น.
9, 10. เปาโลวางตัวอย่างอะไรไว้ และเราอาจเลียนแบบท่านได้อย่างไร?
9 จงเปิดใจให้กว้างในการแสดงความรักของคุณ. (อ่าน 2 โครินท์ 6:12, 13) คุณเคยรู้สึกไหมว่าไม่มีใครสักคนในประชาคมที่คุณจะคบเป็นเพื่อนได้? ถ้าอย่างนั้น เป็นไปได้ไหมว่าคุณมีทัศนะที่แคบเกินไปในเรื่องคนที่คุณสามารถคบเป็นเพื่อน? อัครสาวกเปาโลวางตัวอย่างที่ดีในเรื่องการเปิดใจให้กว้างในการแสดงความรัก. เมื่อก่อน ท่านไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่ไม่ใช่ชาวยิว. ถึงกระนั้น ในที่สุดท่านก็ได้เป็น “อัครสาวกที่ถูกส่งมายังชนต่างชาติ.”—โรม 11:13
10 นอกจากนั้นแล้ว เปาโลไม่ได้จำกัดมิตรภาพของท่านไว้เฉพาะแต่กับคนรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน. ตัวอย่างเช่น ท่านกับติโมเธียวกลายเป็นเพื่อนสนิทแม้ว่าทั้งสองมีอายุและภูมิหลังต่างกัน. ปัจจุบัน หนุ่มสาวหลายคนเห็นค่ามิตรภาพที่พวกเขามีกับพี่น้องที่อายุมากกว่าในประชาคม. วาเนสซาวัยยี่สิบต้น ๆ บอกว่า “ดิฉันมีเพื่อนที่น่ารักคนหนึ่งซึ่งอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว. ดิฉันสามารถเล่าทุกอย่างให้เธอฟังเหมือนกับที่ดิฉันเล่าให้เพื่อนในวัยเดียวกันฟัง. และเธอก็รักและเป็นห่วงดิฉันมาก.” มิตรภาพนั้นเริ่มขึ้นได้อย่างไร? วาเนสซาบอกว่า “ดิฉันต้องพยายามมองหามิตรภาพ ไม่ใช่รอให้มิตรภาพมาหาเอง.” คุณพร้อมจะสร้างมิตรภาพกับคนเหล่านั้นที่ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกับคุณไหม? พระยะโฮวาจะอวยพรความพยายามของคุณอย่างแน่นอน.
11. เราอาจเรียนอะไรได้จากตัวอย่างของโยนาธานกับดาวิด?
11 จงภักดี. โซโลมอนเขียนว่า “มิตรสหายย่อมรักกันอยู่ทุกเวลา, และพี่ชายน้องชายก็เกิดมาสำหรับช่วยกันในเวลาทุกข์ยาก.” (สุภา. 17:17) เมื่อเขียนถ้อยคำดังกล่าว โซโลมอนอาจนึกถึงมิตรภาพที่ดาวิดราชบิดาของท่านมีกับโยนาธาน. (1 ซามู. 18:1) กษัตริย์ซาอูลต้องการให้โยนาธาน ราชบุตรสืบราชบัลลังก์ปกครองอิสราเอล. แต่โยนาธานยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าพระยะโฮวาทรงเลือกดาวิดไว้ให้เป็นกษัตริย์. ไม่เหมือนกับซาอูล โยนาธานไม่อิจฉาดาวิด. ท่านไม่รู้สึกขุ่นเคืองเมื่อดาวิดได้รับคำยกย่องสรรเสริญ และไม่เชื่อคำใส่ร้ายที่ซาอูลพูดเกี่ยวกับดาวิด. (1 ซามู. 20:24-34) เราเป็นเหมือนโยนาธานไหม? เมื่อเพื่อนของเราได้รับสิทธิพิเศษ เรายินดีกับเขาไหม? เมื่อพวกเขาประสบความลำบาก เราปลอบโยนและเกื้อหนุนพวกเขาไหม? ถ้าเราได้ยินคำซุบซิบที่ทำให้เพื่อนคนหนึ่งเสียหาย เราด่วนเชื่อไหม? หรือเราปกป้องเพื่อนของเราอย่างภักดีเหมือนโยนาธาน?
เมื่อจำเป็นต้องตัดขาดมิตรภาพ
12-14. นักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลบางคนพบข้อท้าทายอะไร และเราจะช่วยเขาได้อย่างไร?
12 เมื่อนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิต เขาอาจพบกับข้อท้าทายอย่างแท้จริงในเรื่องเพื่อน. เขาอาจมีเพื่อนที่เขาชอบคบหาด้วย แต่ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานศีลธรรมในคัมภีร์ไบเบิล. ในอดีต เขาอาจใช้เวลาคบหาสมาคมกับคนเหล่านี้เป็นประจำ. แต่ในตอนนี้ เขาเห็นว่ากิจกรรมที่เพื่อน ๆ ของเขาทำอาจส่งผลไม่ดีต่อตัวเขา และเขาคิดว่าจำเป็นต้องจำกัดการติดต่อกับเพื่อนเหล่านี้. (1 โค. 15:33) แม้กระนั้น เขาอาจรู้สึกว่าเป็นการไม่ภักดีต่อเพื่อนถ้าจะเลิกคบหากับเพื่อนเหล่านั้น.
13 ถ้าคุณเป็นนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลที่ต้องพบกับข้อท้าทายอย่างนี้ ขอให้จำไว้ว่าเพื่อนแท้จะรู้สึกยินดีที่คุณพยายามปรับเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้น. เขาอาจถึงกับอยากเรียนรู้เกี่ยวกับพระยะโฮวาด้วยกันกับคุณ. ในทางตรงกันข้าม เพื่อนจอมปลอมจะ “กล่าวร้าย [คุณ] อยู่เรื่อยไป” เพราะคุณไม่ร่วม “จมอยู่ในปลักแห่งความเหลวไหลเสเพลเหมือนกัน” กับพวกเขา. (1 เป. 4:3, 4) ที่จริง เพื่อนเหล่านี้ต่างหากที่ไม่ภักดีต่อคุณ ไม่ใช่คุณที่ไม่ภักดีต่อพวกเขา.
14 เมื่อนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลถูกเพื่อนเก่าที่ไม่รักพระเจ้าทอดทิ้ง พี่น้องในประชาคมสามารถทดแทนเพื่อนเหล่านั้น. (กลา. 6:10) คุณรู้จักใครบางคนที่เข้าร่วมการประชุมกับคุณซึ่งกำลังศึกษาพระคัมภีร์ไหม? ในบางครั้ง คุณจะสามารถสมาคมคบหากับเขาอย่างที่เสริมสร้างได้ไหม?
15, 16. (ก) เราควรมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าเพื่อนเลิกรับใช้พระยะโฮวา? (ข) เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเรารักพระเจ้า?
15 แต่จะว่าอย่างไรถ้าเพื่อนในประชาคมตัดสินใจหันหลังให้พระยะโฮวาและอาจต้องถูกตัดสัมพันธ์? กรณีเช่นนั้นอาจเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจอย่างยิ่ง. พี่น้องหญิงคนหนึ่งพรรณนาถึงปฏิกิริยาของเธอเมื่อเพื่อนสนิทคนหนึ่งเลิกรับใช้พระยะโฮวาว่า “ดิฉันเสียใจมาก. ดิฉันคิดว่าเพื่อนคนนี้เข้มแข็งในความจริง แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดิฉันสงสัยว่าที่เธอรับใช้พระยะโฮวามานั้นก็แค่เพื่อจะให้ครอบครัวเธอพอใจ. แล้วดิฉันก็เริ่มคิดทบทวนแรงกระตุ้นของตัวเอง. ดิฉันกำลังรับใช้พระยะโฮวาด้วยเหตุผลที่ถูกต้องไหม?” พี่น้องหญิงคนนี้รับมืออย่างไร? เธอกล่าวว่า “ดิฉันมอบภาระไว้กับพระยะโฮวา. ดิฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะแสดงให้พระยะโฮวาเห็นว่าเหตุผลที่ดิฉันรักพระองค์นั้นไม่ใช่แค่เพราะพระองค์ช่วยให้ดิฉันมีเพื่อน ๆ ในองค์การของพระองค์.”
16 เราไม่อาจคาดหมายว่าจะเป็นมิตรกับพระเจ้าได้หากเราอยู่ฝ่ายเดียวกับคนที่เลือกจะเป็นมิตรกับโลก. สาวกยาโกโบเขียนว่า “พวกท่านไม่รู้หรือว่าการเป็นมิตรกับโลกคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า? ฉะนั้น ผู้ใดอยากเป็นมิตรกับโลกก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า.” (ยโก. 4:4) เราสามารถพิสูจน์ว่าเรารักพระเจ้าได้ด้วยการไว้วางใจว่าพระองค์จะช่วยเรารับมือกับการสูญเสียเพื่อน ถ้าเราภักดีต่อพระองค์. (อ่านฮีบรู 13:5ข) พี่น้องหญิงที่เพิ่งอ้างถึงในข้อก่อนหน้านี้สรุปดังนี้: “ดิฉันได้เรียนรู้ว่าเราไม่อาจทำให้ใครคนหนึ่งรักพระ ยะโฮวาหรือรักเราได้. เมื่อถึงที่สุดแล้ว นี่เป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องเลือกเอง.” แต่เราจะทำอะไรได้เพื่อรักษามิตรภาพที่เสริมสร้างกับคนที่ยังคงอยู่ในประชาคม?
รักษามิตรภาพที่ดีไว้
17. เพื่อนที่ดีพูดคุยกันอย่างไร?
17 การสื่อความที่ดีช่วยรักษามิตรภาพที่ใกล้ชิดสนิทสนม. เมื่อคุณอ่านเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับรูทและนาอะมี, ดาวิดกับโยนาธาน, และเปาโลกับติโมเธียว คุณจะสังเกตได้ว่าเพื่อนที่ดีนั้นพูดคุยกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่ก็แสดงความนับถือต่อกัน. เปาโลเขียนเกี่ยวกับวิธีที่เราควรติดต่อสื่อความกับคนอื่น ๆ ว่า “ให้คำพูดของท่านทั้งหลายเป็นคำพูดที่แสดงความกรุณาเสมอเหมือนอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ.” เปาโลกล่าวอย่างเจาะจงถึงวิธีที่เราควรพูดกับ “คนภายนอก” กล่าวคือ คนที่ไม่ได้เป็นพี่น้องคริสเตียนของเรา. (โกโล. 4:5, 6) แน่นอน หากคนที่ไม่มีความเชื่อสมควรได้รับความนับถือเมื่อเราพูดกับพวกเขา ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใดที่เพื่อน ๆ ในประชาคมควรได้รับความนับถือจากเรา!
18, 19. เราควรมีทัศนะอย่างไรต่อคำแนะนำที่เราได้รับจากเพื่อนคริสเตียน และผู้ปกครองประชาคมเอเฟโซส์วางตัวอย่างอะไรไว้ให้เรา?
18 เพื่อนที่ดีนับถือความคิดเห็นของกันและกัน ฉะนั้น การสื่อความระหว่างพวกเขาต้องทั้งสุภาพและตรงไปตรงมา. โซโลมอนกษัตริย์ผู้ฉลาดสุขุมเขียนว่า “น้ำมันและน้ำหอมเป็นของที่ทำให้ชื่นใจฉันใด, คำเตือนสติอันอ่อนหวานของเพื่อนก็เป็นที่ให้ชื่นใจฉันนั้น.” (สุภา. 27:9) คุณรู้สึกอย่างนั้นไหมเมื่อคุณได้รับคำเตือนสติจากเพื่อน? (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 141:5) ถ้าเพื่อนแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการกระทำบางอย่างของคุณ คุณมีท่าทีอย่างไร? คุณมองคำเตือนสตินั้นว่าเป็นการแสดงความกรุณารักใคร่ หรือคุณรู้สึกโกรธเคือง?
19 อัครสาวกเปาโลเพลิดเพลินกับมิตรภาพที่ใกล้ชิดกับผู้ปกครองประชาคมเอเฟโซส์. ดูเหมือนว่าท่านคงรู้จักผู้ปกครองเหล่านี้บางคนตอนที่พวกเขาเริ่มเข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ. ถึงกระนั้น ระหว่างที่พบกับพวกเขาครั้งสุดท้าย ท่านให้คำแนะนำแก่พวกเขาอย่างตรงไปตรงมา. พวกเขามีปฏิกิริยาอย่างไร? เพื่อนเหล่านี้ของเปาโลไม่รู้สึกโกรธเคือง. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พวกเขารู้สึกขอบคุณที่ท่านสนใจพวกเขา และพวกเขาถึงกับร้องไห้เมื่อนึกถึงว่าจะไม่ได้เห็นหน้าท่านอีก.—กิจ. 20:17, 29, 30, 36-38
20. เพื่อนที่มีความรักจะทำอะไร?
20 เพื่อนที่ดีไม่เพียงแค่รับคำแนะนำที่สุขุม แต่ให้คำแนะนำด้วย. แน่นอน เราต้องรู้ว่าเมื่อไรที่เราไม่ควร “เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น.” (1 เทส. 4:11) และเราต้องตระหนักด้วยว่าเราแต่ละคน “จะต้องให้การเรื่องของตัวเองต่อพระเจ้า.” (โรม 14:12) แต่เมื่อจำเป็น เพื่อนที่มีความรักจะเตือนสติเพื่อนอย่างกรุณาให้นึกถึงมาตรฐานของพระยะโฮวา. (1 โค. 7:39) ตัวอย่างเช่น คุณจะทำอย่างไรถ้าคุณสังเกตว่าเพื่อนคนหนึ่งที่ยังเป็นโสดเริ่มผูกพันทางอารมณ์กับคนที่ไม่มีความเชื่อ? เพราะกลัวว่าจะเสียเพื่อน คุณจะลังเลที่จะพูดในเรื่องที่คุณเป็นห่วงไหม? หรือถ้าเพื่อนของคุณเพิกเฉยคำเตือนของคุณ คุณจะทำอะไร? เพื่อนที่ดีจะขอความช่วยเหลือจากผู้บำรุงเลี้ยงที่เปี่ยมด้วยความรักให้ช่วยเพื่อนที่ก้าวพลาดไป. การทำอย่างนั้นต้องอาศัยความกล้า. ถึงกระนั้น มิตรภาพที่อาศัยความรักที่มีต่อพระยะโฮวาจะไม่เสียหายอย่างถาวร.
21. เราทุกคนทำอะไรในบางครั้ง แต่เหตุใดจึงสำคัญที่เราจะรักษามิตรภาพที่มั่นคงในประชาคม?
21 อ่านโกโลซาย 3:13, 14. บางครั้ง เราทำให้เพื่อนของเรา “มีเหตุจะบ่นว่า” เรา และพวกเขาเองก็พูดหรือทำสิ่งที่ทำให้เราขุ่นเคืองเหมือนกัน. ยาโกโบเขียนว่า “เราต่างพลาดพลั้งกันหลายครั้ง.” (ยโก. 3:2) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่วัดความเป็นเพื่อนนั้นไม่ได้ดูที่ว่าเราทำผิดต่อกันบ่อยแค่ไหน แต่เราให้อภัยความผิดของเพื่อนอย่างแท้จริงขนาดไหน. เป็นเรื่องสำคัญสักเพียงไรที่เราจะสร้างมิตรภาพที่มั่นคงด้วยการสื่อความกันอย่างเปิดเผยและให้อภัยกันอย่างใจกว้าง! ถ้าเราแสดงความรักเช่นนั้น ความรักนั้นจะเป็น ‘สิ่งที่ผูกพันให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์.’
คุณจะตอบอย่างไร?
• เราจะสร้างมิตรภาพที่ดีได้อย่างไร?
• อาจจำเป็นต้องตัดขาดมิตรภาพเมื่อไร?
• เราต้องทำอะไรเพื่อรักษามิตรภาพให้มั่นคง?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 18]
อะไรเป็นรากฐานของมิตรภาพที่ยั่งยืนระหว่างรูทกับนาอะมี?
[ภาพหน้า 19]
คุณแสดงน้ำใจรับรองแขกเป็นประจำไหม?