ข่าวดีบังเกิดผลในเซาโตเมและปรินซิเป
ข่าวดีบังเกิดผล ในเซาโตเมและปรินซิเป
ผู้คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยได้ยินชื่อเซาโตเมและปรินซิเป. เกาะเหล่านี้มักไม่ค่อยมีโฆษณาในจุลสารท่องเที่ยว. ในแผนที่โลก เกาะเหล่านี้ดูคล้ายกับจุดเล็ก ๆ ในอ่าวกินี ทางฝั่งทะเลด้านตะวันตกของแอฟริกา โดยที่เซาโตเมเกือบจะอยู่บนเส้นศูนย์สูตรและปรินซิเปอยู่ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย. ฝนและอากาศชื้นก่อให้เกิดป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ ปกคลุมลาดเขาต่าง ๆ ที่สูงกว่า 2,000 เมตร.
เกาะในเขตร้อนเหล่านี้ที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าและหาดทรายที่เรียงรายไปด้วยต้นปาล์ม เป็นที่อาศัยของผู้คนที่เป็นมิตรและโอบอ้อมอารี ซึ่งการมีบรรพบุรุษเป็นชาวแอฟริกาผสมยุโรปทำให้มีวัฒนธรรมแบบผสมที่ดูแล้วเพลิดเพลินเจริญตา. ประชากร 170,000 คนสาละวนอยู่กับการปลูกโกโก้ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลัก หรือทำเกษตรกรรมและประมง. ไม่กี่ปีมานี้ แม้แต่การออกไปหาอาหารสำหรับในแต่ละวันก็เป็นเรื่องท้าทาย.
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 20 ก่อผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนจำนวนมากขึ้นในเกาะเหล่านั้น. ในเดือนมิถุนายนปี 1993 พยานพระยะโฮวาได้รับการรับรองตามกฎหมายโดยรัฐบาลเซาโตเมและปรินซิเป จึงเป็นการยุติหน้าประวัติศาสตร์ที่ยากลำบากยาวนานของพยานพระยะโฮวาบนเกาะเหล่านี้.
การหว่านเมล็ดภายใต้สภาพการณ์ที่ยากลำบาก
ปรากฏว่าพยานฯ คนแรกมายังประเทศนี้ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 ตอนที่นักโทษจากอาณานิคมอื่นของโปรตุเกสในแอฟริกาถูกส่งไปทำงานในค่ายแรงงานบนเกาะเหล่านี้. พยานฯ ชาวแอฟริกา ซึ่งเป็นไพโอเนียร์ หรือผู้รับใช้เต็มเวลา ถูกเนรเทศจากโมซัมบิกเพราะประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าในดินแดนนั้น. พยานฯ เพียงคนเดียวนี้เอาการเอางานอยู่เสมอ และภายในหกเดือนมีคนอื่น ๆ อีก 13 คนเข้าร่วมในการเผยแพร่ข่าวดี. ต่อมา พยานฯ คนอื่น ๆ ที่ตกอยู่ในสภาพการณ์เดียวกันมาจากแองโกลา. ระหว่างที่เป็นนักโทษ พวกเขาฉวยทุกโอกาสเพื่อแบ่งปันข่าวดีแก่ชาวบ้านในแถบนั้น.
ปี 1966 พวกพี่น้องทั้งหมดซึ่งทำงานในค่ายแรงงานในเซาโตเมถูกส่งกลับไปยังแอฟริกาแผ่นดินใหญ่. ผู้ประกาศราชอาณาจักรกลุ่มเล็ก ๆ ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังยังคงดำเนินงานต่อไปอย่างกล้าหาญ. พวกเขาถูกข่มเหง, ถูกทุบตี, และถูกจำคุกเพราะประชุมกันเพื่อศึกษาคัมภีร์ไบเบิล และไม่มีใครมาเยี่ยมหรือหนุนใจพวกเขา. ในปี 1975 ประเทศนี้ได้รับอิสรภาพจากโปรตุเกส แล้วเมล็ดความจริงแห่งราชอาณาจักรก็เริ่มเกิดผลอย่างค่อยเป็นค่อยไป.
การแผ่ขยายและการก่อสร้าง
ในเดือนที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายในปี 1993 นั้นเอง มียอดผู้ประกาศราชอาณาจักร 100 คน. ในปีเดียวกันนั้นไพโอเนียร์พิเศษทั้งชายและหญิงเดินทางมาจากโปรตุเกส. ความพยายามบากบั่นในการเรียนภาษาโปรตุเกสครีโอลทำให้พวกเขาเป็นที่รักใคร่ของผู้คนในท้องถิ่น. การหาที่ดินเพื่อสร้างหอประชุมราชอาณาจักรกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก. เมื่อได้ยินถึงความจำเป็นในเรื่องนี้ พี่น้องหญิงคนหนึ่งชื่อมาเรียจึงบริจาคที่ดินที่เธอปลูกบ้านเล็ก ๆ ของเธอให้ครึ่งหนึ่ง. ที่ดินมีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างหอประชุมขนาดใหญ่ได้. มาเรียไม่รู้เลยว่าที่ดินผืนนี้เป็นที่หมายตาของพวกจัดสรรที่ดินซึ่งปรารถนาจะได้ที่ผืนนั้นอย่างยิ่ง เนื่องจากเห็นว่าเธอไม่มีญาติที่มีชีวิตเหลืออยู่. วันหนึ่ง นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเข้ามาคุยกับมาเรีย.
เขาเตือนเธอว่า “เรื่องที่ผมได้ยินเกี่ยวกับคุณมันไม่ค่อยดีเท่าไร! ผมได้ยินว่า คุณบริจาคที่ดินของคุณ. คุณไม่รู้หรือว่าที่ดินผืนนั้นมีราคามากขนาดไหน เพราะเป็นที่ที่อยู่ในเมือง?”
มาเรียถามว่า “ถ้าดิฉันเสนอขายที่ดินให้คุณ คุณจะให้ราคาเท่าไร?” เมื่อชายคนนั้นไม่ตอบ มาเรียจึงกล่าวต่อไปว่า “แม้ว่าคุณจะเอาเงินมาให้ดิฉันหมดทั้งโลกก็ยังไม่พอหรอกค่ะ เพราะเงินไม่สามารถซื้อชีวิตได้.”
ชายคนนั้นถามว่า “คุณไม่มีลูกใช่ไหม?”
เพื่อจะยุติการสนทนา มาเรียกล่าวว่า “ที่ผืนนั้นเป็นของพระยะโฮวา. พระองค์ทรงให้ดิฉันยืมใช้มาหลายปี และตอนนี้ดิฉันคืนให้พระองค์. ดิฉันรอคอยที่จะมีชีวิตตลอดไป.” แล้วเธอก็ถามชายคนนั้นว่า “คุณไม่มีชีวิตนิรันดร์มาเสนอให้ดิฉันใช่ไหมคะ?” โดยไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาหันหลังกลับแล้วเดินจากไป.
ผลก็คือมีการสร้างอาคารสองชั้นที่สวยงามหลังหนึ่งด้วยความช่วยเหลือจากพี่น้องหลายคนที่เชี่ยวชาญจากโปรตุเกส. อาคารนี้มีห้องใต้ถุนใหญ่หนึ่งห้อง, มีหอประชุมที่กว้างขวาง, และมีห้องพักอาศัย. นอกจากนั้น ยังมีห้องเรียนสำหรับโรงเรียนผู้ปกครอง, ผู้ช่วยงานรับใช้, และไพโอเนียร์. ขณะนี้มีสองประชาคมที่ใช้อาคารนี้เพื่อการประชุมต่าง ๆ ทำให้อาคารนี้เป็นศูนย์การศึกษาที่ดีเยี่ยมสำหรับการนมัสการอันบริสุทธิ์ในเมืองหลวง.
ในเมืองเม-โซชิ มีประชาคมหนึ่งที่มีผู้ประกาศราชอาณาจักรที่มีใจแรงกล้า 60 คน. เนื่องจากการประชุมต่าง ๆ จัดขึ้นในหอประชุมที่สร้างขึ้นอย่างง่าย ๆ ในป่ากล้วย จึงเห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องมีหอประชุมราชอาณาจักรที่เหมาะสม. มีการแจ้งเรื่องนี้แก่สำนักงานเทศบาลเมือง พวกเจ้าหน้าที่ที่มีความเห็นอกเห็นใจจึงยกที่ดินที่เลือกอย่างดีบนถนนสายหลักให้. ภายในเวลาสองเดือนหอประชุมที่สวยงามก็สร้างเสร็จ ด้วยความช่วยเหลือของพี่น้องจากโปรตุเกสซึ่งใช้วิธีการสร้างแบบเสร็จเร็ว. ผู้คนในท้องถิ่นแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้เห็น. วิศวกรชาวสวีเดนคนหนึ่งที่คุมงานก่อสร้างอาคารหลังหนึ่งในเมือง รู้สึกทึ่งที่ได้เห็นการทำงานของบรรดาพี่น้องชายและหญิง. เขากล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อเลย! พวกพยานพระยะโฮวาในเม-โซชิใช้วิธีการสร้างแบบเสร็จเร็ว! เราควรจัดระบบโครงการของเราให้เป็นแบบนี้.” มีการอุทิศหอประชุมราชอาณาจักรนี้ในวันที่ 12 มิถุนายน 1999 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม 232 คน. หอประชุมนี้กลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาชมเมื่อมาที่เมืองเม-โซชิ.
การประชุมครั้งประวัติศาสตร์
เหตุการณ์เด่นในประวัติของพยานพระยะโฮวาที่เซาโตเมและปรินซิเปคือการประชุมภาค “การสอนจากพระเจ้า” เป็นเวลาสามวันในเดือนมกราคมปี 1994 ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ครั้งแรกในเกาะเหล่านี้. การประชุมนี้ถูกจัดขึ้นใน
ห้องประชุมปรับอากาศที่ดีที่สุดในประเทศ. คุณนึกภาพความชื่นชมยินดีของผู้ประกาศราชอาณาจักรทั้ง 116 คนออกไหม ที่ได้เห็นฝูงชนถึง 405 คนและเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นละครจากพระคัมภีร์และได้รับหนังสือใหม่ที่ออก ณ การประชุมภาค? ชายหาดในเขตร้อนแห่งหนึ่งถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการรับบัพติสมาของผู้อุทิศตัว 20 คน.มีสิ่งหนึ่งที่แปลกใหม่ซึ่งจับความสนใจของสาธารณชนคือบัตรติดหน้าอกที่มีลักษณะเฉพาะของบรรดาผู้เข้าร่วมประชุม. การมาเยือนของตัวแทนที่มาจากโปรตุเกสและแองโกลา 25 คน เสริมบรรยากาศให้เป็นเหมือนการประชุมนานาชาติ. สายสัมพันธ์อันอบอุ่นของความรักแบบคริสเตียนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายคนหลั่งน้ำตาในช่วงสุดท้ายของการประชุมเมื่อพวกเขาต้องกล่าวคำอำลา.—โยฮัน 13:35.
บรรดานักข่าวจากสถานีวิทยุแห่งชาติได้มาสัมภาษณ์ผู้ดูแลการประชุม. พวกเขายังนำถ้อยคำที่คัดลอกจากคำบรรยายหลายเรื่องมาออกอากาศด้วย. นั่นเป็นโอกาสที่นับเป็นประวัติศาสตร์จริง ๆ และช่วยพยานฯ ที่ซื่อสัตย์เหล่านี้ซึ่งอยู่โดดเดี่ยวเป็นเวลานานรู้สึกใกล้ชิดกับองค์การที่เห็นได้ของพระยะโฮวามากยิ่งขึ้น.
การเกิดผลเพื่อจะสรรเสริญพระยะโฮวา
เมื่อข่าวสารแห่งราชอาณาจักรเกิดผล จึงก่อให้เกิดการประพฤติที่ดีซึ่งนำคำสรรเสริญและพระเกียรติมาสู่พระยะโฮวา. (ติโต 2:10) เด็กหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งชอบสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลประจำสัปดาห์. แต่พ่อของเธอห้ามไม่ให้เธอเข้าร่วมการประชุมประชาคม. เมื่อเธออธิบายให้พ่อฟังด้วยท่าทีที่แสดงความนับถือถึงความสำคัญของการเข้าร่วมการประชุมคริสเตียน และบอกถึงความปรารถนาที่จะเข้าร่วมการประชุมนั้น เขาไล่เธอออกจากบ้านทันที. เห็นได้ชัดว่า เขาคิดว่าเธอคงจะเป็นเหมือนกับวัยรุ่นคนอื่น ๆ นั่นคือรีบย้ายออกไปอยู่กับผู้ชายที่จะส่งเสียเลี้ยงดู. แต่เมื่อพ่อของเธอรู้ว่าเธอเป็นแบบอย่างที่ดี ดำเนินชีวิตอย่างสะอาดในฐานะคริสเตียนคนหนึ่ง เขาจึงได้รับการกระตุ้นให้รับเธอกลับบ้านและยอมให้อิสระแก่เธอเต็มที่เพื่อจะรับใช้พระยะโฮวา.
อีกตัวอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของหัวหน้าวงดนตรีคนหนึ่ง. เขารู้สึกผิดหวังกับแนวทางชีวิตที่ผิดศีลธรรมของเขา. ขณะที่กำลังแสวงหาจุดมุ่งหมายของชีวิต เขาได้ติดต่อกับพยานฯ. เมื่อเขาเริ่มใช้ชีวิตตามมาตรฐานศีลธรรมของคัมภีร์ไบเบิล ผู้คนในเมืองต่างพากันพูดถึงเขา. ในไม่ช้า เขาเห็นความจำเป็นที่ต้องยุติการคบหาสมาคมที่ไม่ดีทุกอย่าง. (1 โกรินโธ 15:33) ครั้นแล้ว เขาก็ปฏิบัติขั้นตอนสำคัญคือรับบัพติสมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงการอุทิศตัวแด่พระยะโฮวา.
หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งกำลังแสวงหาศาสนาแท้. การแสวงหาทำให้พวกเขาได้สนทนากับนักเทศน์ของกลุ่มอิแวนเจลิคัลหลายกลุ่ม แต่ผลก็คือยิ่งสับสนและผิดหวังมากขึ้น. ดังนั้น พวกเขาจึงกลายเป็นคนจรจัดที่นิยมความรุนแรงและเป็นพวกชอบเยาะเย้ยอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับศาสนา.
วันหนึ่ง พยานพระยะโฮวาคนหนึ่งซึ่งเป็นมิชชันนารีกำลังจะไปนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล และเดินผ่านที่ที่วัยรุ่นกลุ่มนี้อยู่. พวกเขาต้องการให้มิชชันนารีคนนี้ตอบคำถามบางข้อจึงพาเขาไปที่สนามหลังบ้าน แล้วเชิญให้นั่งบนเก้าอี้เล็ก ๆ ตัวหนึ่ง. สิ่งที่ตามมาคือคำถามที่พรั่งพรูออกมา เช่น เรื่องจิตวิญญาณ, ไฟนรก, ชีวิตในสวรรค์, และอวสานของโลก. พยานฯ สามารถตอบคำถามได้ทุกข้อโดยอาศัยคัมภีร์ไบเบิลที่หัวหน้าแก๊งให้ยืม. หนึ่งชั่วโมงต่อมา หัวหน้าที่ชื่อลอว์ พูดกับมิชชันนารีว่า “เมื่อเราเรียกคุณมาให้ตอบคำถามเหล่านั้น เราตั้งใจจะเยาะเย้ยคุณ เหมือนที่เราทำกับคนที่อยู่ในศาสนาอื่น ๆ. เราคิดว่าไม่มีใครสักคนตอบคำถามเหล่านี้ได้. แต่คุณทำได้ และคุณก็ตอบโดยใช้เพียงคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น! ช่วยบอกผมหน่อยว่า ผมจะเรียนรู้คัมภีร์ไบเบิลมากขึ้นได้อย่างไร?” มีการเริ่มการศึกษาพระคัมภีร์กับลอว์ และในไม่ช้าเขาก็เริ่มเข้าร่วมการประชุม. หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ออกจากกลุ่มและเลิกแนวทางชีวิตที่นิยมความรุนแรงของเขา. ภายในหนึ่งปี เขาได้อุทิศชีวิตของเขาแด่พระยะโฮวาและรับบัพติสมา. ตอนนี้ เขากำลังรับใช้ในฐานะผู้ช่วยงานรับใช้.
ธรรมเนียมท้องถิ่นอย่างหนึ่งซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ยึดถือกันอย่างเหนียวแน่นคือ ชายหญิงอยู่กินด้วยกันเฉย ๆ โดยไม่ได้2 โกรินโธ 10:4-6; เฮ็บราย 4:12.
จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย. หลายคนอยู่กินกันมานานหลายปี และมีลูกด้วยกัน. เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยอมรับทัศนะของพระเจ้าในเรื่องนี้. นับว่าน่าชื่นใจที่เห็นว่าพระคำของพระเจ้าช่วยคนหนึ่งให้เอาชนะอุปสรรคนี้.—อันโตนยูรู้ว่าเขาควรทำให้การสมรสของเขาถูกต้องตามกฎหมาย จึงวางแผนจะทำเช่นนั้นหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดซึ่งจะทำให้เขาพอมีเงินเพื่อจัดงานเลี้ยงสมรส. คืนหนึ่งก่อนการเก็บเกี่ยว พวกขโมยได้มาขโมยพืชผลของเขา. เขาตัดสินใจรอการเก็บเกี่ยวพืชผลปีหน้า แต่แล้วก็ถูกขโมยไปอีกครั้งหนึ่ง. เมื่อความพยายามเก็บเงินอีกครั้งเพื่อจัดงานเลี้ยงสมรสล้มเหลว อันโตนยูได้มาตระหนักว่าใครเป็นผู้ขัดขวางที่แท้จริง. เขากล่าวว่า “ซาตานจะไม่มีทางเล่นงานผมได้อีกต่อไป. อีกเดือนครึ่งเราจะสมรสกัน ไม่ว่าจะมีงานเลี้ยงหรือไม่ก็ตาม!” แล้วพวกเขาก็ทำอย่างนั้น และที่ยังความประหลาดใจแก่พวกเขาก็คือ บรรดาเพื่อนฝูงได้นำไก่และเป็ดหลายตัวรวมทั้งแพะอีกหนึ่งตัวมาให้สำหรับจัดงานเลี้ยงสมรส. หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว อันโตนยูและภรรยาของเขา—รวมทั้งลูก ๆ หกคน—รับบัพติสมาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงการอุทิศตัวของพวกเขาแด่พระยะโฮวา.
ที่เกาะปรินซิเป
เมื่อไม่กี่ปีมานี้มีการเยี่ยมผู้ที่อาศัยในปรินซิเป 6,000 คนเป็นบางครั้งบางคราวโดยผู้ดูแลหมวดและเหล่าไพโอเนียร์จากเซาโตเม. ชาวเกาะเป็นผู้ที่มีน้ำใจรับรองแขกอย่างมากและกระตือรือร้นที่จะฟังสิ่งที่พยานฯ พูด. หลังจากที่ชายคนหนึ่งอ่านแผ่นพับที่ได้รับไว้แล้ว วันถัดมาเขาจึงตามหาไพโอเนียร์และเสนอจะช่วยแจกจ่ายแผ่นพับ. ไพโอเนียร์อธิบายว่านี่เป็นงานที่พวกเขาควรทำเอง แต่ชายคนนี้ก็ยังยืนกรานว่าเขาควรไปตามบ้านกับไพโอเนียร์เพื่อช่วยแนะนำพวกไพโอเนียร์ให้กับเจ้าของบ้าน เพื่อสนับสนุนให้ตั้งใจฟังอย่างถี่ถ้วน. ในที่สุดชายคนนี้ก็จากไป แต่ก่อนจะไป เขาชมเชยเหล่าไพโอเนียร์เนื่องจากงานสำคัญที่พวกเขากำลังทำอยู่.
ในปี 1998 ไพโอเนียร์สองคนจากเซาโตเมย้ายไปอยู่ที่ปรินซิเป และในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มนำการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้าน 17 ราย. งานกำลังขยายออกไปเรื่อย ๆ และไม่นานการศึกษาหนังสือประจำประชาคมก็มีผู้เข้าร่วมเฉลี่ย 16 คน และมากกว่า 30 คนเข้าร่วมการประชุมสาธารณะ. มีการเสนอความต้องการสถานที่ประชุมไปยังเทศบาลเมือง และน่ายินดี มีการโอนที่ดินเพื่อก่อสร้างหอประชุม. เหล่าพี่น้องจากเซาโตเมได้อาสาสมัครสร้างหอประชุมราชอาณาจักรขนาดเล็กซึ่งมีที่พักสำหรับไพโอเนียร์พิเศษสองคนด้วย.
ไม่มีข้อสงสัยว่า ข่าวดีกำลังเกิดผลมากมายและเพิ่มมากขึ้นในเกาะที่อยู่ห่างไกลเหล่านี้. (โกโลซาย 1:5, 6) ในเดือนมกราคมปี 1990 มีผู้ประกาศ 46 คนในเซาโตเมและปรินซิเป. ระหว่างปีรับใช้ 2002 มียอดผู้ประกาศราชอาณาจักรถึง 388 คน! พี่น้องมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ประกาศทำงานรับใช้เต็มเวลา และมีการศึกษาพระคัมภีร์ตามบ้านประมาณ 1,400 ราย. ในปี 2001 มียอดผู้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,907 คน. ใช่แล้ว ในหมู่เกาะเขตร้อนเหล่านี้ พระคำของพระยะโฮวากำลังรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วและกำลังได้รับการสรรเสริญ.—2 เธซะโลนิเก 3:1.
[กรอบ/ภาพหน้า 12]
ข่าวซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของสถานีวิทยุกระจายเสียง
หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างยิ่งบนเกาะเหล่านี้คือหนังสือคำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล. * ทุกสองสัปดาห์มีรายการหนึ่งที่เสนอโดยสถานีวิทยุแห่งชาติซึ่งใช้เวลา 15 นาที. ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ ที่ได้ยินโฆษกสถานีวิทยุถามว่า “เยาวชนทั้งหลาย คุณจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นคือความรักแท้หรือความหลงใหล?” และตามมาด้วยการอ่านส่วนหนึ่งจากหนังสือนี้! (ดูบทที่ 31.) รายการวิทยุที่คล้าย ๆ กันนี้เลือกเสนอบางส่วนของหนังสือเคล็ดลับสำหรับความสุขในครอบครัว. *
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 33 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
^ วรรค 33 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
[ภาพหน้า 9]
หอประชุมราชอาณาจักรแห่งแรกในเซาโตเม ปี 1994
[ภาพหน้า 10]
1. หอประชุมราชอาณาจักรที่สร้างแบบเสร็จเร็วในเม-โซชิ
2. การประชุมภาคครั้งประวัติศาสตร์ถูกจัดขึ้นในห้องประชุมแห่งนี้
3. ผู้พร้อมจะรับบัพติสมาที่มีความสุข ณ การประชุมใหญ่
[ที่มาของภาพหน้า 8]
Globe: Mountain High Maps® Copyright © 1997 Digital Wisdom, Inc.