วิธีที่คุณจะเข้าใกล้พระเจ้าได้
วิธีที่คุณจะเข้าใกล้พระเจ้าได้
“จงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงเข้าใกล้ท่านทั้งหลาย” ยาโกโบ 4:8 (ล.ม.) กล่าว ไว้เช่นนั้น. พระยะโฮวาพระเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ประสงค์ให้มนุษย์มีสัมพันธภาพ ใกล้ชิดกับพระองค์สักเพียงไร โดยประทานพระบุตรของพระองค์เพื่อประโยชน์ของเรา.
ในการตอบสนองต่อการเริ่มต้นด้วยความรักเช่นนั้น อัครสาวกโยฮันได้เขียนว่า “เรารัก [พระเจ้า] เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน.” (1 โยฮัน 4:19, ล.ม.) แต่เพื่อเราเป็นรายบุคคลจะเข้าใกล้พระเจ้า เราต้องดำเนินขั้นตอนบางอย่าง. ขั้นตอนเหล่านั้นคล้ายกับสี่วิธีที่เราจะมีสัมพันธภาพใกล้ชิดกับเพื่อนมนุษย์ ดังที่สรุปไว้ในบทความก่อน. ตอนนี้ขอให้เราพิจารณาขั้นตอนเหล่านี้.
สังเกตคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมของพระเจ้า
พระเจ้ามีคุณลักษณะอันยอดเยี่ยมหลายประการ คุณลักษณะบางอย่างที่เด่นที่สุดคือความรัก, สติปัญญา, ความยุติธรรม, และอำนาจ. มีการแสดงให้เห็นสติปัญญาและอำนาจของพระองค์อย่างมากมายในเอกภพที่ห่างไกล และในโลกรอบ ๆ ตัวเรา ตั้งแต่กาแล็กซีมหึมาไปจนถึงอะตอมกระจิริด. ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญเขียนว่า “ฟ้าสวรรค์ประกาศพระรัศมีของพระเจ้า; และท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลกล่าวถึงพระหัตถกิจของพระองค์.”—บทเพลงสรรเสริญ 19:1, ล.ม.; โรม 1:20
สิ่งที่พระเจ้าสร้างสะท้อนให้เห็นความรักของพระองค์ด้วย. ตัวอย่างเช่น วิธีที่เราถูกสร้างขึ้นมาแสดงว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้เราเพลิดเพลินกับชีวิต. พระองค์ประทานความสามารถให้เราที่จะมองเห็นสีสัน, ลิ้มรสและดมกลิ่น, ชื่นชมกับดนตรี, หัวเราะ, เพลิดเพลินกับความสวยงาม, สมรรถนะและลักษณะพิเศษอื่น ๆ อีกหลายอย่างทีเดียวซึ่งไม่จำเป็นเลยสำหรับชีวิต. ถูกแล้ว พระเจ้าทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, กรุณา, และเปี่ยมด้วยความรักอย่างแท้จริง—คุณลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการที่พระองค์เป็น “พระเจ้าผู้มีความสุข” อย่างไม่ต้องสงสัย.—1 ติโมเธียว 1:11, ล.ม.; กิจการ 20:35.
พระยะโฮวาทรงภูมิใจในข้อเท็จจริงที่ว่า การสำแดงพระบรมเดชานุภาพของพระองค์และการที่สิ่งทรงสร้างซึ่งมีเชาวน์ปัญญาสนับสนุนพระบรมเดชานุภาพนั้นอาศัยความรักเป็นประการสำคัญ. (1 โยฮัน 4:8) จริงอยู่ พระยะโฮวาเป็นองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ แต่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับใช้ที่ภักดีของพระองค์ ดุจดังบิดาที่เปี่ยมด้วยความรักปฏิบัติกับลูกของตน. (มัดธาย 5:45) พระองค์มิได้เหนี่ยวรั้งสิ่งใดไว้ซึ่งเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของเขา. (โรม 8:38, 39) ดังที่กล่าวแล้ว พระองค์ถึงกับประทานชีวิตของพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์เพื่อประโยชน์ของเรา. ถูกแล้ว ความรักของพระเจ้าเป็นเหตุผลที่เราดำรงอยู่และมีความหวังเกี่ยวกับชีวิตถาวร.—โยฮัน 3:16.
พระเยซูประทานความหยั่งเห็นเข้าใจอันลึกซึ้งให้เราในเรื่องบุคลิกภาพของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเลียนแบบพระบิดาของพระองค์อย่างสมบูรณ์พร้อม. (โยฮัน 14:9-11) ด้วยประการทั้งปวง พระองค์ไม่เห็นแก่ตัว, ทรงเห็นอกเห็นใจ, และคำนึงถึงคนอื่น. ในโอกาสหนึ่ง ชายคนหนึ่งซึ่งหูหนวกและพูดติดอ่างถูกพามาพบพระเยซู. คุณคงนึกภาพออกว่า ชายคนนี้อาจรู้สึกอึดอัดใจเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน. เป็นที่น่าสนใจ พระเยซูพาชายคนนี้ไปยังที่ลับตาแล้วทรงรักษาเขาที่นั่น. (มาระโก 7:32-35) คุณหยั่งรู้ค่าคนที่ไวต่อความรู้สึกของคุณและคนที่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของคุณไหม? ถ้าเช่นนั้น คุณคงจะเข้าใกล้พระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์มากขึ้นอย่างแน่นอนขณะที่คุณเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระองค์ทั้งสอง.
คิดคำนึงถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระเจ้า
บางคนอาจมีคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่เราต้องคิดคำนึงถึงบุคคลนั้นเพื่อจะได้รับการดึงดูดมาหาเขา. หลักการเดียวกันนำมาใช้ได้กับพระยะโฮวา. การคิดรำพึงถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์เป็นขั้นตอนที่สองซึ่งสำคัญในการเข้าใกล้พระองค์. กษัตริย์ดาวิด บุรุษซึ่งรักพระยะโฮวาอย่างแท้จริงและ “เป็นที่พอพระทัย [ของพระยะโฮวา]” ได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะระลึกถึงเวลาที่ล่วงไปแล้ว; ข้าพเจ้าภาวนาถึงพระราชกิจทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำนั้น; ข้าพเจ้ารำพึงถึงพระหัตถกิจการต่าง ๆ ของพระองค์.”—กิจการ 13:22, ล.ม.; บทเพลงสรรเสริญ 143:5.
เมื่อคุณสังเกตสิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับการทรงสร้างหรืออ่านคัมภีร์ไบเบิล พระคำของพระเจ้า เช่นเดียวกับดาวิด คุณคิดรำพึงถึงสิ่งที่คุณเห็นและอ่านไหม? ขอให้นึกภาพบุตรชายซึ่งเพิ่งได้รับจดหมายจากบิดาผู้ที่เขามีความรักใคร่อย่างสุดซึ้ง. เขาบทเพลงสรรเสริญ 119:97, ล.ม.
จะมองดูจดหมายนั้นอย่างไร? แน่นอนเขาคงจะไม่เพียงอ่านใจความของจดหมายนั้นอย่างคร่าว ๆ แล้วก็โยนเก็บไว้ในลิ้นชัก. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขาคงจะพินิจพิเคราะห์ดูจดหมายนั้น ดึงเอารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่างและความสละสลวยของจดหมายนั้นออกมา. เช่นเดียวกัน พระคำของพระเจ้าควรเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเรา ดังที่เป็นเช่นนั้นกับผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญ ผู้ซึ่งร้องเพลงว่า “ข้าพเจ้ารักข้อกฎหมายของพระองค์มากเพียงใด! ข้าพเจ้าคำนึงถึงตลอดวัน.”—การรักษาการสื่อความที่ดี
การสื่อความที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดซึ่งต้องมีไม่ว่าในความสัมพันธ์ใด ๆ. นั่นเกี่ยวข้องกับการพูดและการฟัง—และไม่เพียงด้วยจิตใจเท่านั้น แต่หัวใจด้วย. เราพูดกับพระผู้สร้างโดยการอธิษฐาน ซึ่งเป็นการติดต่อโดยตรงกับพระเจ้าในเชิงนมัสการ. พระยะโฮวาทรงยินดีในคำอธิษฐานของคนเหล่านั้นที่รักและรับใช้พระองค์ และผู้ซึ่งยอมรับพระเยซูคริสต์ในฐานะตัวแทนที่สำคัญของพระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 65:2; โยฮัน 14:6, 14.
ในอดีต พระเจ้าตรัสกับมนุษย์ในหลากหลายวิธี รวมทั้งในนิมิต, ความฝัน, และโดยทางทูตสวรรค์. อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน พระองค์ตรัสโดยทางคัมภีร์ไบเบิลบริสุทธิ์ พระคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรของพระองค์. (2 ติโมเธียว 3:16) ถ้อยคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรมีข้อดีหลายประการ. จะค้นดูถ้อยคำนั้นในเวลาใดก็ได้. เช่นเดียวกับจดหมาย คนเราสามารถอ่านพระคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรซ้ำแล้วซ้ำอีกได้. และถ้อยคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้รับการบิดเบือนง่าย ๆ อย่างที่มักจะเกิดขึ้นกับการเล่าต่อด้วยปากเปล่า. ดังนั้น จงคิดถึงคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นการรวบรวมจดหมายชุดใหญ่จากพระบิดาที่รักของคุณทางภาคสวรรค์ และโดยทางจดหมายเหล่านี้เปิดโอกาสให้พระองค์ตรัสกับคุณทุกวัน.—มัดธาย 4:4.
ยกตัวอย่าง คัมภีร์ไบเบิลชี้แจงทัศนะของพระยะโฮวาเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิด. พระคัมภีร์อธิบายพระประสงค์ของพระองค์สำหรับมนุษยชาติและแผ่นดินโลก. และพระคัมภีร์เปิดเผยวิธีที่พระองค์ทรงปฏิบัติกับผู้คนและประเทศชาติในขอบเขตที่กว้างขวาง จากผู้นมัสการที่ภักดีไปจนถึงเหล่าศัตรูที่อาฆาตแค้น. โดยให้มีการบันทึกการติดต่อเกี่ยวข้องของพระองค์กับมนุษย์ในลักษณะนี้ พระยะโฮวาทรงให้ภาพพรรณนาที่ละเอียดเป็นพิเศษเกี่ยวกับบุคลิกภาพของพระองค์. พระองค์ทรงเผยให้เห็นความรัก, ความยินดี, ความโทมนัส, ความผิดหวัง, ความโกรธ, ความเมตตา, ความห่วงใยของพระองค์—ถูกแล้ว ขอบเขตแห่งความคิดและความรู้สึกของพระองค์ และเหตุผลพื้นฐานสำหรับสิ่งเหล่านี้—ทั้งหมดในวิธีที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้ง่าย.—บทเพลงสรรเสริญ 78:3-7.
หลังจากคุณได้อ่านตอนหนึ่งในพระคำของพระเจ้า คุณจะได้รับประโยชน์จากการอ่านนั้นได้อย่างไร? และโดยเฉพาะ คุณจะเข้าใกล้พระเจ้ายิ่งขึ้นได้อย่างไร? ทีแรก จงคิดถึงสิ่งที่คุณได้อ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าในฐานะเป็นบุคคล ให้จุดต่าง ๆ เข้าถึงหัวใจคุณ. ครั้นแล้ว ในคำอธิษฐาน ทูลพระยะโฮวาให้ทราบความคิดและความรู้สึกในส่วนลึกที่สุดของคุณเกี่ยวกับเรื่องที่คุณได้พิจารณาและวิธีที่คุณจะพยายามได้รับประโยชน์จากเรื่องนั้น. นั่นคือการสื่อความ. แน่นอน หากคุณมีเรื่องอื่นที่ทำให้คิดกังวลด้วย ก็อาจรวมเอาเรื่องเหล่านี้เข้าไว้ในคำอธิษฐานของคุณได้แน่ ๆ.
จงทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยกันกับพระเจ้า
คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงบุคคลที่ซื่อสัตย์บางคนในสมัยโบราณว่าพวกเขาได้ดำเนินกับพระเจ้าเที่ยงแท้หรือดำเนินเฉพาะพระพักตร์พระองค์. (เยเนซิศ 6:9; 1 กษัตริย์ 8:25) นั่นหมายความอย่างไร? โดยพื้นฐานแล้วนั่นหมายถึงการที่พวกเขาดำเนินชีวิตแต่ละวันประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นกับพวกเขา. จริงอยู่ พวกเขาเป็นคนบาป ทว่าเขารักกฎหมายและหลักการต่าง ๆ ของพระเจ้า และพวกเขาดำเนินชีวิตประสานกับพระประสงค์ของพระเจ้า. พระยะโฮวาได้รับการชักนำมาหาคนเช่นนั้น และพระองค์ใฝ่พระทัยในพวกเขา ดังที่แสดงไว้ในบทเพลง (ล.ม.) ที่ว่า “เราจะทำให้ท่านมีความหยั่งเห็นเข้าใจ และสั่งสอนท่านในทางควรจะไป. เราจะให้คำแนะนำพร้อมกับทอดพระเนตรดูท่าน.” สรรเสริญ 32:8
คุณอาจมีพระยะโฮวาเป็นมิตรสนิทได้เช่นกัน—มิตรซึ่งดำเนินไปกับคุณ, เอาใจใส่คุณ, และให้คำแนะนำฉันบิดาแก่คุณ. ผู้พยากรณ์ยะซายาพรรณนาถึงพระยะโฮวาว่าเป็น “ผู้สั่งสอนเจ้า, เพื่อประโยชน์แก่ตัวของเจ้าเอง, และผู้นำเจ้าให้ดำเนินในทางที่เจ้าควรดำเนิน.” (ยะซายา 48:17) ขณะที่เราประสบผลประโยชน์เหล่านี้ เราจะรู้สึกว่า พระยะโฮวาทรงประทับอยู่ ประหนึ่งว่าที่ “ข้างมือขวา [ของเรา]” ดังที่ดาวิดรู้สึกนั้น.—บทเพลงสรรเสริญ 16:8.
พระนามของพระเจ้า—จุดรวมแห่งคุณลักษณะของพระองค์
หลายศาสนาและคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลต่าง ๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ใช้พระนามเฉพาะของพระเจ้าและไม่ได้ทำให้พระนามนั้นเป็นที่รู้จัก. (บทเพลงสรรเสริญ 83:18) กระนั้น ในต้นฉบับภาษาฮีบรูดั้งเดิม พระนามนั้น—ยะโฮวา—ปรากฏประมาณ 7,000 ครั้ง! (โดยไม่เสมอต้นเสมอปลาย ขณะที่ลบ พระนามของพระเจ้าออก ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลส่วนใหญ่ยังคงเก็บชื่อของพระเท็จหลายองค์ซึ่งมีการกล่าวถึงในต้นฉบับเดิมไว้อยู่ เช่น บาละ, เบล, เมโรดัค, และแม้แต่ซาตานด้วยซ้ำ!)
บางคนรู้สึกว่าการตัดพระนามของพระเจ้าออกไปเป็นเรื่องไม่สำคัญ. แต่คิดดูก็แล้วกัน: เป็นเรื่องยากกว่าหรือง่ายกว่าที่จะพัฒนาสัมพันธภาพแบบสนิทสนมและรู้จักมักคุ้นกับบุคคลที่ไม่มีชื่อ? ตำแหน่งอย่างเช่น พระเจ้าและพระผู้เป็นเจ้า (ซึ่งมีการใช้กับพระเท็จต่าง ๆ ด้วย) อาจดึงความสนใจไปสู่พลัง, อำนาจ, หรือตำแหน่งของพระยะโฮวา แต่เฉพาะพระนามของพระองค์เท่านั้นที่ระบุตัวพระองค์อย่างชัดแจ้ง. (เอ็กโซโด 3:15; 1 โกรินโธ 8:5, 6) พระนามเฉพาะของพระเจ้าเที่ยงแท้ก่อความสนใจในคุณลักษณะและลักษณะพิเศษต่าง ๆ ของพระองค์. วอลเทอร์ เลารี นักเทววิทยาได้กล่าวอย่างถูกต้องว่า “คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าด้วยชื่อ ก็ไม่รู้จักพระองค์ในฐานะบุคคลอย่างแท้จริง.”
ขอพิจารณาตัวอย่างของมารีอา ชาวคาทอลิกที่จริงใจคนหนึ่งซึ่งอยู่ในออสเตรเลีย. เมื่อพยานพระยะโฮวาพบเธอครั้งแรก มารีอาเปิดโอกาสให้พยานฯ ชี้ให้เธอดูพระนามของพระเจ้าในคัมภีร์ไบเบิล. เธอตอบรับอย่างไร? “เมื่อดิฉันเห็นพระนามของพระเจ้าครั้งแรกในคัมภีร์ไบเบิล ดิฉันร้องไห้. ดิฉันรู้สึกตื้นตันใจเหลือเกินจากความรู้ที่ว่า ดิฉันสามารถรู้จักและใช้พระนามเฉพาะของพระเจ้าได้อย่างแท้จริง.” มารีอาศึกษาคัมภีร์ไบเบิลต่อไป และเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอได้มารู้จักพระยะโฮวาฐานะเป็นบุคคล และสามารถสร้างสัมพันธภาพถาวรกับพระองค์ได้.
ถูกแล้ว เราสามารถ “เข้าใกล้พระเจ้า” ได้ ถึงแม้เรามองไม่เห็นพระองค์ด้วยตาจริง ๆ. เราสามารถ “เห็น” บุคลิกภาพที่งดงามอย่างยิ่งของพระองค์ในจิตใจและหัวใจของเรา และโดยวิธีนี้ความรักของเราที่มีต่อพระองค์จึงเติบโตขึ้น. ความรักดังกล่าว “เป็นเครื่องเชื่อมสามัคคีที่ดีพร้อม.”—โกโลซาย 3:14, ล.ม.
[กรอบ/ภาพหน้า 6]
พระยะโฮวาทรงตอบสนองความรักของคุณที่มีต่อพระองค์
สัมพันธภาพเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างสองฝ่าย. ขณะที่เราเข้าใกล้พระเจ้า พระองค์ทรงตอบสนองโดยการเข้าใกล้เรามากขึ้น. ขอพิจารณาความรู้สึกของพระองค์ที่มีต่อซิมโอนและอันนาผู้ชราแล้ว ทั้งสองคนได้รับการกล่าวถึงเป็นพิเศษในคัมภีร์ไบเบิล. ลูกาผู้เขียนกิตติคุณบอกเราว่า ซิมโอนเป็น “คนชอบธรรมและเกรงกลัวพระเจ้า” คอยท่าพระมาซีฮา. พระยะโฮวาทรงสังเกตคุณลักษณะที่ดีเหล่านี้ในตัวซิมโอน และทรงแสดงความรักต่อชายชราที่น่ารักคนนี้โดยเปิดเผยแก่ท่านว่า “ท่านจะไม่ตายกว่าจะได้เห็นพระคริสต์.” พระยะโฮวารักษาคำสัญญาของพระองค์และได้ทรงชี้นำซิมโอนไปยังพระกุมารเยซูซึ่งบิดามารดานำพระองค์มายังพระวิหารในกรุงยะรูซาเลม. ด้วยความตื่นเต้นและหยั่งรู้ค่าอย่างสุดซึ้ง ซิมโอนอุ้มพระกุมารนั้นแล้วอธิษฐานว่า “โอพระเจ้าข้า, บัดนี้ขอให้ผู้ทาสของพระองค์ไปเป็นสุขตามคำของพระองค์เถิด, เพราะว่าตาของข้าพเจ้าได้เห็นความรอดของพระองค์แล้ว.”—ลูกา 2:25-35.
“ในขณะนั้น” พระยะโฮวาได้แสดงความรักต่ออันนาวัย 84 ปีด้วย โดยทรงนำเธอไปหาพระเยซูเช่นกัน. คัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า แม่ม่ายที่น่ารักคนนี้อยู่ที่พระวิหารตลอดเวลา “ถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์” แด่พระยะโฮวา. เนื่องจากเปี่ยมล้นด้วยความหยั่งรู้ค่า เช่นเดียวกับซิมโอน เธอขอบพระคุณพระยะโฮวาสำหรับความกรุณาเป็นพิเศษของพระองค์ หลังจากนั้นเธอกล่าวถึงพระกุมารนั้น “ให้คนทั้งปวงที่คอยท่าเวลาของกรุงยะรูซาเลมจะหลุดเป็นไทยฟัง.”—ลูกา 2:36-38, ล.ม.
ถูกแล้ว พระยะโฮวาทรงสังเกตว่าซิมโอนกับอันนารักและเกรงกลัวพระองค์อย่างลึกซึ้งแค่ไหน และเขาทั้งสองเป็นห่วงเพียงไรเกี่ยวกับการบรรลุผลสำเร็จแห่งพระประสงค์ของพระองค์. เรื่องราวดังกล่าวในคัมภีร์ไบเบิลดึงดูดคุณให้มาหาพระยะโฮวามิใช่หรือ?
เช่นเดียวกับพระบิดาของพระองค์ พระเยซูทรงมองออกถึงบุคคลแท้ที่อยู่ภายในด้วย. ขณะสั่งสอนอยู่ที่พระวิหาร พระองค์ทรงสังเกตเห็น “หญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนจน” บริจาคเงินเพียง “สตางค์แดงสองสตางค์.” สำหรับผู้สังเกตคนอื่นแล้ว เงินถวายของเธอคงจะไม่มีความหมาย แต่ไม่เป็นเช่นนั้นกับพระเยซู. พระองค์ทรงชมเชยผู้หญิงคนนี้ เพราะเธอให้เงินทั้งหมดที่เธอมีอยู่นั้น. (ลูกา 21:1-4) ฉะนั้น เรามั่นใจได้ว่า พระยะโฮวาและพระเยซูทรงหยั่งรู้ค่าเรา หากเราถวายสิ่งดีที่สุดของเราให้พระองค์ทั้งสอง ไม่ว่าสิ่งนั้นมากหรือน้อยก็ตาม.
ขณะที่พระเจ้าทรงยินดีในคนเหล่านั้นซึ่งรักพระองค์ พระองค์รู้สึกเจ็บปวดเมื่อมนุษย์หันเหไปจากพระองค์ และติดตามแนวทางของการทำผิด. เยเนซิศ 6:6 (ล.ม.) บอกเราว่า พระยะโฮวา “ทรงรู้สึกปวดร้าวพระทัย” เนื่องจากความเลวร้ายของมนุษยชาติก่อนน้ำท่วมโลกในสมัยของโนฮา. ต่อมา ชนยิศราเอลที่ไม่เชื่อฟังได้ “ทดลองพระเจ้าอีก, และได้ขัดพระทัยพระองค์ผู้บริสุทธิ์แห่งพวกยิศราเอล” หลายครั้งหลายหน ดังที่บทเพลงสรรเสริญ 78:41 กล่าวไว้. ถูกแล้ว พระเจ้ามิใช่ “ต้นเหตุแรกของสิ่งทั้งปวง” ซึ่งเย็นชา ปราศจากความรู้สึก. พระองค์ทรงเป็นบุคคล อย่างแท้จริง ความรู้สึกของพระองค์มิได้เสียดุลยภาพหรือเฉื่อยชาเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ อย่างที่เกิดขึ้นกับพวกเรา.
[ภาพหน้า 7]
การไตร่ตรองดูสิ่งที่พระยะโฮวาทรงสร้าง เป็นวิธีหนึ่งที่จะเข้าใกล้พระองค์