หนุ่มสาวถามว่า
ฉันรู้จักตัวเองไหม?
ไมเคิลเห็นแบรดเดินมาก็หวั่นใจ. แบรดพูดว่า “ไมเคิล ลองนี่สิ!” แบรดยื่นมือมาและไมเคิลเห็นกัญชามวนหนึ่ง เหมือนที่เขาคิดไว้เลย. เขาไม่อยากรับ แต่ก็ไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นคนอ่อนแอ. ไมเคิลพูดเสียงอ่อย ๆ ว่า “คราวหน้าละกัน.”
เจสซิกาเห็นแบรดเดินมา. เธอพร้อมจะรับมือ. แบรดพูดว่า “เจสซิกา ลองนี่สิ!” แบรดยื่นมือมาและเจสซิกาเห็นกัญชามวนหนึ่ง เหมือนที่เธอคิดไว้เลย. เจสซิกาพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ละ ฉันยังไม่อยากตาย. แล้วนายล่ะแบรด . . . ฉันไม่คิดเลยว่าคนฉลาดอย่างนายจะสูบกัญชา!”
ในเหตุการณ์สมมุติข้างต้น ทำไมเจสซิกาสามารถต้านทานแรงกดดันได้ดีกว่า? เนื่องจากเธอรู้จักตัวเอง. การรู้จักตัวเองคือการรู้ว่าตัวคุณเป็นใครและมีจุดยืนอย่างไร. เมื่อรู้อย่างนี้ คุณก็มีความเข้มแข็งที่จะต้านทานแรงกดดันให้ทำผิด คือที่จะควบคุมชีวิตตัวเองแทนที่จะให้คนอื่นบงการชีวิตคุณ. คุณจะสร้างความมั่นใจเช่นนั้นได้อย่างไร? คงดีถ้าจะเริ่มด้วยการตอบคำถามต่อไปนี้.
1 จุดแข็งของฉันคืออะไร?
ทำไมสำคัญ?: การรู้ว่าคุณมีความสามารถและคุณลักษณะที่ดีอะไรบ้างจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในตัวเอง.
ขอพิจารณา: ทุกคนมีความสามารถหลากหลาย. ยกตัวอย่าง บางคนมีความสามารถด้านศิลปะหรือดนตรี ส่วนบางคนเล่นกีฬาเก่ง. ราเคลซ่อมรถได้ดี. * เธอพูดว่า “เมื่อฉันอายุประมาณ 15 ปี ฉันก็รู้ว่าฉันอยากจะเป็นช่างซ่อมรถ.”
ตัวอย่างจากคัมภีร์ไบเบิล: อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “แต่ถึงข้าพเจ้าพูดไม่เก่ง ข้าพเจ้าก็มีความรู้.” (2 โครินท์ 11:6) เนื่องจากเปาโลมีความเข้าใจพระคัมภีร์อย่างถ่องแท้ ท่านจึงสามารถยืนหยัดได้เมื่อมีคนท้าทายท่าน. ถึงคนอื่นจะมีทัศนะในแง่ลบท่านก็ไม่สูญเสียความมั่นใจ.—2 โครินท์ 10:10; 11:5
วิเคราะห์ตัวเอง. ข้างล่างนี้ ให้เขียนความสามารถ หรือทักษะ ที่คุณมี.
․․․․․
ทีนี้ ให้พรรณนาคุณลักษณะที่ดีที่คุณมี. (ตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนห่วงใยคนอื่นไหม? เป็นคนเอื้อเฟื้อไหม? เป็นคนไว้ใจได้ไหม? เป็นคนตรงต่อเวลาไหม?)
․․․․․
“ฉันพยายามจะช่วยคนอื่น. ถ้ามีใครต้องการปรึกษาและฉันกำลังยุ่ง ฉันจะหยุดจากสิ่งที่กำลังทำอยู่และฟังคนนั้น.”—บริแอนน์
ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าคุณมีคุณลักษณะที่ดีอะไรบ้าง ให้คิดว่าเมื่อเทียบกับตอนที่คุณเป็นเด็ก ตอนนี้คุณมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างไร แล้วเขียนลงข้างล่าง.—ตัวอย่างเช่น ดูกรอบ “ สิ่งที่คนรุ่นเดียวกับคุณพูด.”
․․․․․
2 จุดอ่อนของฉันคืออะไร?
ทำไมสำคัญ: ความแข็งแรงของโซ่ทั้งเส้นจะเท่ากับความแข็งแรงของห่วงโซ่ที่อ่อนแอที่สุด. เช่นเดียวกัน ชื่อเสียงของคุณจะเสื่อมเสียได้ถ้าคุณยอมแพ้จุดอ่อนของคุณ.
ขอพิจารณา: ไม่มีใครสมบูรณ์. (โรม 3:23) ทุกคนมีนิสัยบางอย่างที่อยากจะเปลี่ยนแปลง. เซยา เด็กสาวคนหนึ่งถามว่า “ทำไมฉันต้องหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง? แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้ฉันโมโหและคุมอารมณ์ไม่อยู่!”
ตัวอย่างจากคัมภีร์ไบเบิล: เปาโลรู้จุดอ่อนของตัวเอง. ท่านเขียนว่า “ในหัวใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าปีติยินดีจริง ๆ ในพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นอีกกฎหนึ่งในอวัยวะของข้าพเจ้าซึ่งต่อสู้อยู่กับกฎในใจข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้าตกอยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาป.”—โรม 7:22, 23
วิเคราะห์ตัวเอง. จุดอ่อนอะไรที่คุณจำเป็นต้องควบคุม?
․․․․․
“ฉันสังเกตว่าหลังจากดูหนังรัก ๆ ใคร่ ๆ จบแล้ว ฉันจะรู้สึกเศร้าหน่อย ๆ และอยากจะมีคนรัก. ตอนนี้ฉันจึงรู้ว่าฉันต้องระวังความบันเทิงแบบนั้น.”—บริดเจต
3 เป้าหมายของฉันคืออะไร?
ทำไมสำคัญ: เมื่อคุณมีเป้าหมาย คุณก็จะรู้ว่าชีวิตของคุณควรไปทางไหนและมีจุดมุ่งหมายอะไร. นอกจากนั้น คุณจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนและสถานการณ์ที่อาจขัดขวางเป้าหมายชีวิตของคุณ.
ขอพิจารณา: คุณจะขึ้นแท็กซี่แล้วบอกคนขับให้ขับวนรอบตึกจนกระทั่งน้ำมันหมดไหม? นั่นช่างไม่ฉลาดและเปลืองค่ารถจริง ๆ! เป้าหมายช่วยให้ชีวิตคุณไม่วนอยู่กับที่. คุณรู้ว่าจะไปที่ไหนและมีแผนว่าจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร.
ตัวอย่างจากคัมภีร์ไบเบิล: เปาโลเขียนว่า “ที่ข้าพเจ้าวิ่ง ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งโดยไร้จุดหมาย.” (1 โครินท์ 9:26) แทนที่จะดำเนินชีวิตโดยเปล่าประโยชน์หรือไร้จุดมุ่งหมาย เปาโลตั้งเป้าหมายและดำเนินชีวิตตามนั้น.—ฟิลิปปอย 3:12-14
วิเคราะห์ตัวเอง. ข้างล่างนี้ให้เขียนเป้าหมายสามอย่างที่คุณอยากจะบรรลุภายในปีหน้า.
-
․․․․․
-
․․․․․
-
․․․․․
ทีนี้ให้เลือกเป้าหมายหนึ่งอย่างจากข้างบนซึ่งสำคัญที่สุด สำหรับคุณ และเขียนว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างในตอนนี้ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายนั้น.
․․․․․
“ถ้าผมไม่ทำโน้นทำนี่อยู่เสมอ ผมจะอยู่ไปวัน ๆ. การมีเป้าหมายและก้าวไปถึงจุดนั้นก็ดีกว่า.”—โฮเซ
4 ฉันมีความเชื่อมั่นเช่นไร?
ทำไมจึงสำคัญ: ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น คุณก็จะเป็นคนโลเล. คุณจะทำตัวเป็นเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีเพื่อจะเข้ากับเพื่อน ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่าคุณไม่รู้จักตัวเอง.
ขอพิจารณา: คัมภีร์ไบเบิลสนับสนุนคริสเตียนที่จะ “ทำให้รู้แน่ว่าอะไรคือพระประสงค์อันดีของพระเจ้าซึ่งเป็นที่ชอบพระทัยและสมบูรณ์พร้อม.” (โรม 12:2) ถ้าคุณทำตามสิ่งที่คุณเชื่อมั่น คุณจะมีจุดยืนของตัวเองไม่ว่าคนอื่นจะทำอะไร.
ตัวอย่างจากคัมภีร์ไบเบิล: เมื่อยังเป็นวัยรุ่น ผู้พยากรณ์ดานิเอล “ตั้งใจ” จะปฏิบัติตามกฎหมายของพระเจ้า แม้จะต้องพลัดพรากจากครอบครัวและเพื่อนผู้นมัสการ. (ดานิเอล 1:8) เพราะท่านทำอย่างนั้น ท่านจึงมีจุดยืนของตัวเอง. ดานิเอลดำเนินชีวิตตามความเชื่อมั่นของตน.
วิเคราะห์ตัวเอง. คุณเชื่อมั่นสิ่งใด? ตัวอย่างเช่น:
-
คุณเชื่อว่ามีพระเจ้าไหม? ถ้าเชื่อ เพราะเหตุใด? หลักฐานอะไรที่ทำให้คุณ มั่นใจว่าพระองค์มีจริง?
-
คุณเชื่อไหมว่ามาตรฐานด้านศีลธรรมของพระเจ้าเป็นประโยชน์ต่อคุณ? ถ้าเชื่อ เพราะเหตุใด? ตัวอย่างเช่น อะไรทำให้คุณมั่นใจว่า การเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้าเรื่องเพศจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าการทำตามคนรุ่นเดียวกัน ซึ่งใช้ชีวิตอย่างที่คิดกันว่ามีอิสระ?
ไม่ควรรีบตอบคำถามเหล่านี้. จงใช้เวลาคิดหาเหตุผลเกี่ยวกับความเชื่อของคุณ. ถ้าคุณทำอย่างนั้นคุณจะปกป้องความเชื่อได้ดีขึ้น.—สุภาษิต 14:15; 1 เปโตร 3:15
“เพื่อนนักเรียนจะล้อคุณถ้าคุณไม่มีความมั่นใจ และฉันไม่อยากเป็นคนที่ไม่มั่นใจในเรื่องความเชื่อ. ฉันจึงพยายามหาเหตุผลที่ชัดเจนและหนักแน่นเพื่อปกป้องความเชื่อของฉัน. แทนที่จะบอกคนอื่นว่า ‘ฉันทำไม่ได้หรอก ศาสนาของฉันห้าม’ ฉันจะพูดว่า ‘ฉันคิดว่าการทำอย่างนั้นไม่ถูกต้อง.’ นั่นเป็นความเชื่อของฉัน.”—ดาเนียล
ที่สุดแล้ว คุณ อยากจะเป็นเหมือนอะไร เหมือนใบไม้ที่ปลิวไปมาตามสายลมอ่อน ๆ หรือต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ได้แม้พายุจะโหมกระหน่ำ? จงพยายามรู้จักตัวเองให้มากขึ้น และคุณจะเป็นเหมือนต้นไม้ต้นนั้น.
ถ้าคุณรู้จักตัวเองดี คุณก็จะเป็นเหมือนต้นไม้ที่มีรากแข็งแรงซึ่งต้านทานพายุที่โหมกระหน่ำได้
^ วรรค 8 บางชื่อในบทความนี้เป็นชื่อสมมุติ.