การแสวงหาการบินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
การแสวงหาการบินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน อะเล็กซ์รู้สึกว่าเขาเกือบเอาชนะความกลัวการเดินทางโดยเครื่องบินได้อยู่แล้ว. ขณะที่เครื่องบินโดยสารที่เขานั่งทะยานออกจากกรุงเอเธนส์เพื่อไปยังเมืองบอสตัน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์วัย 42 ปีคนนี้เริ่มมีอาการตื่นตระหนกอย่างอ่อน คือหัวใจเริ่มเต้นแรงและมีเหงื่อออกที่มือกับหน้าผาก.
แต่เขารู้ว่าต้องทำอย่างไร. นักบำบัดที่พยายามช่วยเขาเอาชนะความกลัวการเดินทางโดยเครื่องบินเคยบอกเขาให้หายใจเข้าลึก ๆ, นึกภาพสถานที่ที่สวยงาม, และจับที่วางแขนให้แน่น ๆ แล้วคลายมือออกสี่ครั้งภายในหนึ่งนาที. เมื่อการสั่นสะเทือนและเสียงที่น่ากลัวจวนจะทำให้เขาทนไม่ไหว อะเล็กซ์วาดมโนภาพว่าเขากำลังอยู่ในทะเลสาบที่สงบเงียบ. อะเล็กซ์เล่าว่า “ผมคิดว่าผมกำลังเอาชนะความกลัวได้จริง ๆ.”
ผู้โดยสารเครื่องบินหลายล้านคนเคยกลัวการเดินทางโดยเครื่องบิน. ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนหันไปเข้าโรงเรียนที่ช่วยผู้กลัวการเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งบ่อยครั้งเนื่องจากได้รับแรงกระตุ้นจากสมาชิกครอบครัว, นายจ้าง, และสายการบิน ซึ่งต่างก็อยากให้พวกเขาเดินทางโดยเครื่องบิน. สำหรับผู้โดยสารส่วนใหญ่ ชั้นเรียนดังกล่าวมีประโยชน์; สถานบำบัดหลายแห่งอ้างว่าประสบความสำเร็จถึง 90 เปอร์เซ็นต์.
แต่วันที่ 11 กันยายนทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป. อะเล็กซ์เลิกเรียนทันที. และเขาทำให้นายจ้างต้องผิดหวัง เพราะเขายังยกเลิกแผนการเดินทางโดยเครื่องบินเพื่อไปพบผู้ที่อาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ด้วย. อะเล็กซ์กล่าวว่า “ความกลัวการเดินทางโดยเครื่องบินของผมบวกกับการก่อการ
ร้ายเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจรับมือได้. การบำบัดไม่ได้ทำให้ผมพร้อมสำหรับทั้งสองอย่าง.”มาตรการด้านความปลอดภัยถูกตรวจสอบ
ผู้เดินทางโดยเครื่องบินที่วิตกกังวลยังกล่าวด้วยว่า มีการถามพวกคนจี้เครื่องบินในวันที่ 11 กันยายนด้วยคำถามที่มักใช้ถามผู้โดยสารซึ่งกำลังขึ้นเครื่อง เช่น “มีคนแปลกหน้าขอให้คุณถือของในเที่ยวบินนี้ไหม? มีของชิ้นใดที่คุณนำมาด้วยซึ่งไม่ได้อยู่ในความดูแลของคุณนับตั้งแต่ที่คุณบรรจุหีบห่อไหม?” และไม่ต้องสงสัยว่าคนจี้เครื่องบินคงจะตอบแบบเดียวกับที่คนส่วนใหญ่ตอบ นั่นคือ “ไม่!” ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบางคนก็มองเช่นกันว่า การที่คนจี้เครื่องบินสามารถขึ้นเครื่องบินได้นั้นเป็นหลักฐานที่แสดงว่ามีการละเลยเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางโดยเครื่องบิน. จิม แมกเคนนา อดีตผู้อำนวยการมูลนิธิพันธมิตรเพื่อความปลอดภัยในการบินกล่าวว่า “ไม่มีใครหรือสิ่งใดจะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการด้านความปลอดภัยได้. แต่การที่เครื่องบินสี่ลำถูกจี้และถูกทำลาย พร้อมกับการเสียชีวิตของคนหลายพันคนอาจเป็นแรงกระตุ้นมากพอที่จะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลง.”
ผลที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านั้นคือ มาตรการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินและบนเครื่องบินถูกตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนทุกจุด. ณ การประชุมต่อหน้าคณะกรรมาธิการของรัฐสภา เคนเนท เอ็ม. มีด ผู้ตรวจการกระทรวงคมนาคมสหรัฐ กล่าวว่า “แม้ว่าจะมีข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัยทั้งที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันและที่กำหนดขึ้นมาใหม่ แต่การรักษาความปลอดภัยก็ยังถูกปล่อยปละละเลยอย่างน่าตกใจและมี . . . ช่องโหว่บางอย่างที่ต้องจัดการ.” มีการดำเนินการอะไรบ้างเพื่อจัดการช่องโหว่เหล่านั้น?
การตรวจสอบผู้โดยสารเพื่อกำจัดสิ่งที่คุกคามความปลอดภัย
เมื่อเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความปลอดภัยของสายการบินใหญ่แห่งหนึ่งในสหรัฐ ถูกถามว่าเธอกลัวการขึ้นเครื่องบิน
หรือไม่ เธอตอบโดยไม่ลังเลว่า “ไม่กลัว เพราะดิฉันมั่นใจในระบบแคปส์.” เธอกำลังพูดถึงระบบที่เรียกกันว่า การตรวจสอบผู้โดยสารโดยความช่วยเหลือจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งลงบันทึกตั๋วแต่ละใบที่สายการบินซึ่งเป็นสมาชิกได้ขายไป. ระบบนี้ระบุว่าตั๋วใบนั้นถูกซื้อจากสำนักงานสายการบินหรือบริษัทท่องเที่ยวหรือทางอินเทอร์เน็ต. มีการบันทึกข้อมูลอื่น ๆ เช่น ผู้โดยสารเดินทางคนเดียวหรือมากับสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนคนอื่น ๆ พร้อมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ เช่น เป็นที่รู้กันว่าเคยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไหมหรือเคยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสายการบิน, บุคลากร, หรือทรัพย์สินของสายการบินไหม.แต่ละครั้งที่ผู้โดยสารเช็คอินที่สนามบิน ข้อมูลนี้จะถูกตรวจสอบและแก้ไขตามข้อมูลล่าสุด รวมทั้งปฏิกิริยาของคนนั้นที่มีต่อการซักถามด้วย. รายละเอียดที่แน่นอนของข้อมูลที่รวบรวมได้และวิธีประมวลและการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้กันอยู่นี้ยังเป็นความลับอย่างหนึ่งที่อุตสาหกรรมการบินรักษาไว้อย่างเหนียวแน่น. ทั่วโลกมีการใช้ระบบต่าง ๆ ที่คล้ายกับแคปส์ บางระบบมีการเชื่อมต่อโดยตรงกับรัฐบาลอื่น ๆ และหน่วยงานตำรวจสากล เช่น อินเตอร์โพล. ที่สนามบินในยุโรปหลายแห่ง ระบบควบคุมหนังสือเดินทางสามารถบันทึกและติดตามประวัติการเดินทางโดยเครื่องบินของผู้โดยสารและการเดินทางจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งได้.
การวิเคราะห์ข้อมูลนี้ทำขึ้นโดยอาศัยสมมุติฐานที่ว่า คนซึ่งมีความคิดชั่วร้ายอาจคุกคามความปลอดภัยได้มากกว่าวัตถุต่าง ๆ เช่น กระเป๋าที่ผู้โดยสารถือขึ้นเครื่องและกระเป๋าเดินทางที่ถูกตรวจสอบแล้ว. ด้วยเหตุนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในสนามบิน อุปกรณ์ตรวจสอบทางชีวภาพหลายชนิดและสมาร์ตการ์ดจึงเป็นทางเลือกที่กำลังได้รับการพิจารณาในปัจจุบัน.
นอกจากการวิเคราะห์ข้อมูลผู้โดยสารแล้ว การพยายามป้องกันไม่ให้มีการนำวัตถุและสารอันตรายขึ้นไปบนเครื่องบินก็เป็นสิ่งสำคัญที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งด้วยในเรื่องความปลอดภัยที่สนามบิน. การตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์มีขีดจำกัด. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินรู้สึกว่ายากที่จะจดจ่ออยู่ได้นาน ๆ เนื่องจากการดูภาพเอกซเรย์ราง ๆ ของกระเป๋าเดินทางที่ผ่านสายตาของพวกเขาไปนั้นอาจทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย. ในเวลาเดียวกัน เครื่องตรวจจับโลหะก็ส่งสัญญาณผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า โดยตรวจเจอกุญแจบ้าน, เศษเงิน, และหัวเข็มขัด.
การออกกฎหมายให้เข้มงวดขึ้น
เพื่อรับมือกับข้อจำกัดดังกล่าว รัฐบาลต่าง ๆ จึงตอบสนองด้วยการออกกฎหมายที่ทำให้การรักษาความปลอดภัยที่สนามบินเข้มงวดขึ้น. ในสหรัฐ นี่เรียกร้องให้มีการใช้มาตรการเพื่อตรวจสอบว่ากระเป๋าเดินทางถูกนำขึ้นเครื่องโดยมีเจ้าของไปด้วย, การตรวจสิ่งของที่นำเข้าไปยังห้องผู้โดยสารอย่างละเอียด, และการตรวจหาวัตถุระเบิดในกระเป๋าที่ตรวจสอบแล้ว ทั้งนี้เริ่มต้นภายในสิ้นปี 2002. ประตูห้องนักบินกำลังอยู่ระหว่างการทำให้แน่นหนาและปลอดภัยขึ้น. มีการฝึกอบรมเพิ่มเติมในเรื่องวิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉินให้แก่บุคลากรของสายการบิน. นอกจากนี้ มีการส่งเจ้าหน้าที่ติดอาวุธออกไปประจำการตามเที่ยวบินพาณิชย์ต่าง ๆ ด้วย.
ในช่วงหลายสัปดาห์และหลายเดือนหลังจากวันที่ 11 กันยายน ผู้โดยสารถูกค้นตัว และมีการตรวจค้นกระเป๋าด้วยมือในสนามบินหลายแห่งทั่วโลก. ในบางกรณี มีการตรวจค้นผู้โดยสารและสิ่งของที่ถือติดตัวเป็นครั้งที่สอง. การป้องกันไว้
ก่อนแบบนี้เป็นเรื่องที่ผู้เดินทางในยุโรปคุ้นเคยอยู่แล้ว เนื่องจากมีการใช้มาตรการนี้อย่างแพร่หลายในช่วงทศวรรษปี 1970 เมื่อการจี้เครื่องบินมีมากถึงจุดสูงสุด. ปัจจุบันมีการห้ามผู้โดยสารพกสิ่งของมีคมขึ้นไปบนเครื่องบิน. เฉพาะผู้เดินทางที่มีตั๋วเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านด่านตรวจได้. หลายคนเริ่มชินกับแถวเช็คอินที่ยาวเหยียดและการมีทหารติดอาวุธประจำการอยู่ในอาคารสนามบิน.เน้นเรื่องการบำรุงรักษา
ขอให้นึกภาพที่คุ้นเคยกันดีนี้: หลังจากผ่านด่านตรวจของสนามบินมาหลายด่าน ในที่สุดผู้โดยสารคนหนึ่งก็มาถึงหน้าประตู รอให้เจ้าหน้าที่สายการบินประกาศเรียกให้ขึ้นเครื่อง. ผู้โดยสารในชุดนักธุรกิจสีเทาซึ่งอยู่ถัดไปถามเขาว่า “คุณได้ยินไหม? มีการล่าช้าเนื่องจากปัญหาเครื่องยนต์.” เขากรอกตาแสดงความเบื่อหน่ายแล้วเสริมว่า “ผมหวังว่าเขาจะไม่ส่งเราไปโดยไม่มีเครื่องยนต์นะ!”
สิ่งที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่รู้คือ หน่วยงานด้านการบินมีระบบตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วนและเข้มงวดมาก. มีการคาดล่วงหน้าเรื่องความจำเป็นที่จะมีการซ่อมบำรุงโดยการตรวจสอบสมุดบันทึกการบินของเครื่องบินอยู่เสมออย่างรอบคอบ. ที่จริง หน่วยงานเหล่านั้นเรียกร้องให้มีการตรวจสภาพเครื่องบินและซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ตามกำหนดเวลาการบำรุงรักษาอย่างเคร่งครัด ซึ่งบ่อยยิ่งกว่ารถยนต์โดยทั่วไปมาก แม้ว่าเครื่องบินลำนั้นจะไม่เคยมีประวัติว่ามีปัญหา.
เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุงของสายการบินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเล่าเรื่องนี้ให้ฟังได้. เขากล่าวว่า “เกือบ 15 ปีที่ผมอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ผมไม่เคยเห็น, หรือพูดคุยกับ, หรือสังเกตคนที่ทำงานซ่อมบำรุงคนใดซึ่งไม่ให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อเรื่องความปลอดภัย. เพราะจริง ๆ แล้วเพื่อนและครอบครัวของคนงานเหล่านั้นก็ขึ้นเครื่องบินที่เขาดูแลด้วย พวกเขาจึงไม่เสี่ยงอะไรโง่ ๆ.”
ช่างซ่อมเครื่องบินและคนงานบำรุงรักษาสำนึกถึงหน้าที่
รับผิดชอบอันใหญ่หลวง. ช่างคนหนึ่งเล่าว่า “ผมไม่เคยลืมคืนที่เราเสียเครื่อง ดีซี-10 ลำหนึ่งในเมืองซูซิตี รัฐไอโอวา. ตอนนั้นผมเป็นช่างซ่อมเครื่องบิน และงานของผมคือการตรวจสอบและซ่อมบำรุงด้านในของชุดหางของเครื่องบินรุ่นเดียวกันนั้น. จนถึงตอนนั้น เรายังไม่ทราบข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ กับเครื่องบินที่ตก. ผมจำได้ว่าคืนนั้นผมทำงานอย่างขะมักเขม้นสักเพียงไร และถามตัวเองว่า ‘เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนั้น? คนอื่นอาจจะทำอะไรพลาดไปซึ่งผมอาจตรวจพบตอนนี้และป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมอีกได้ไหม? ผมทำทุกสิ่งที่ผมควรทำอย่างแม่นยำ ไหม?’ คืนนั้น ผมใช้เวลามากในการตรวจชุดหาง ทั้งดูและคิด.”ช่างซ่อมเครื่องบินได้รับการฝึกอบรมอยู่เสมอในงานทุกด้าน ตั้งแต่งานประจำไปจนถึงการตรวจสอบขั้นสูงและทักษะในการวิเคราะห์และแก้ปัญหา. มีการปรับหลักสูตรฝึกอบรมลูกเรือให้ทันสมัยทุกปีเพื่อครอบคลุมสถานการณ์ทุกรูปแบบเท่าที่พอจะนึกภาพว่าอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งมีตั้งแต่สถานการณ์ธรรมดาจนถึงสถานการณ์ผิดธรรมดา.
หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมทางอากาศ มีการวิเคราะห์และป้อนข้อมูลที่รวบรวมได้เข้าไปในเครื่องจำลองการบิน. นักบินทดสอบและวิศวกรเครื่องบินจะใช้เครื่องจำลองการบินนั้นเพื่อดูว่ามีทางแก้วิธีอื่นไหมที่พวกเขาอาจคิดได้เพื่อลูกเรือจะสามารถจัดการกับปัญหาคล้าย ๆ กันได้ดีขึ้นในวันข้างหน้า. จากนั้น มีการจัดหลักสูตรฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้แก่ลูกเรือเพื่อให้คำแนะนำที่เจาะจง.
การวิเคราะห์ปัญหาเช่นนี้ยังทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเครื่องบินและส่วนประกอบของเครื่องบินด้วย โดยหวังว่าความผิดพลาดเช่นนั้นจะเป็นบทเรียนและจึงเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดเช่นนั้นอีก.พนักงานบำรุงรักษาคนหนึ่งลงความเห็นว่า “เราทุกคนได้รับการอบรมว่า ‘ความปลอดภัยไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ต้องมีการวางแผน.’”
กลับสู่ท้องฟ้า
หลังจากบังคับตัวเองให้งดเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเวลาสี่เดือน อะเล็กซ์ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องจัดการกับโรคกลัวการบิน. การเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและยามที่สนามบินนานาชาติโลแกนในเมืองบอสตันดูเหมือนไม่รบกวนใจเขา. แถวเช็คอินที่ยาวเหยียดและการตรวจค้นกระเป๋าด้วยมือก็ไม่ได้ทำให้เขาขุ่นเคืองเลย.
สำหรับอะเล็กซ์แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ทำให้อุ่นใจในการแสวงหาการเดินทางทางอากาศที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น. เขายังเหงื่อแตกบ้างและหัวใจเต้นถี่เล็กน้อย. อย่างไรก็ตาม ขณะที่อะเล็กซ์ยกกระเป๋าที่ถูกตรวจค้นแล้วใส่ในช่องเก็บของเหนือศีรษะ เขากล่าวว่า “ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว.”
[กรอบ/ภาพหน้า 5]
ข้อเท็จจริงเรื่องการบิน
ตามการกะประมาณ ผู้โดยสารมากถึง 1 ใน 5 มีอาการกลัวการเดินทางโดยเครื่องบิน. แต่ก็ใช่ว่าคนเหล่านี้ทุกคนรู้สึกว่าการบินเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัย. บ่อยครั้ง ความวิตกกังวลของพวกเขาเกิดจากโรคกลัวอื่น ๆ เช่น กลัวความสูงหรือกลัวบริเวณพื้นที่แออัด.
[แผนภูมิหน้า 8]
อุบัติเหตุร้ายแรงถึงตายมีความเป็นไปได้มากเพียงไร?
ความเป็นไปได้ใน ความเป็นไปได้ใน
หนึ่งปีคือ 1 ใน: ช่วงชีวิตคือ 1 ใน:
รถยนต์ 6,212 81
ฆาตกรรม 15,104 197
เครื่องจักร 265,000 3,500
เครื่องบินตก 390,000 5,100
จมน้ำตายในอ่างอาบน้ำ 802,000 10,500
สัตว์และพืชมีพิษ 4.2 ล้าน 55,900
ฟ้าผ่า 4.3 ล้าน 56,000
[ที่มาของภาพ]
ที่มา: สภาความปลอดภัยแห่งสหรัฐ
[ภาพหน้า 6]
การรักษาความปลอดภัยที่สนามบินซึ่งมีเพิ่มขึ้น
[ที่มาของภาพ]
AP Photo/Joel Page
[ภาพหน้า 7]
การวิเคราะห์ประวัติและตรวจสอบผู้โดยสาร
[ภาพหน้า 7]
การบำรุงรักษาที่ได้รับการปรับปรุง
[ภาพหน้า 8]
นักบินได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ