ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เอลฟรีเด เออร์บัน | เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ชีวิต​มิชชันนารี​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​จริง​ ๆ

ชีวิต​มิชชันนารี​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​จริง​ ๆ

ฉัน​มี​ชีวิต​วัย​เด็ก​ที่​ทุกข์​ลำบาก ฉัน​เกิด​วัน​ที่ 11 ธันวาคม 1939 ที่​เชโกสโลวะเกีย​หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ปะทุ​ขึ้น​แค่ 3 เดือน แม่​ของ​ฉัน​ตาย​หลัง​จาก​คลอด​ฉัน​ได้ 2 อาทิตย์​เพราะ​ร่าง​กาย​บอบช้ำ​มาก​จาก​การ​คลอด​ลูก ก่อน​หน้า​นั้น พ่อ​เพิ่ง​ย้าย​ไป​เยอรมนี​เพื่อ​หา​งาน​ทำ ตา​กับ​ยาย​เลย​รับ​ฉัน​ไป​เลี้ยง ฉัน​โต​มา​พร้อม​กับ​ลูก​สาว​เล็ก​ ๆ 3 คน​ของ​ตา​กับ​ยาย ซึ่ง​เป็น​น้อง​สาว​ของ​แม่

กับ​ตา​และ​ยาย

 สงคราม​ยุติ​ใน​ปี 1945 แต่​ชีวิต​หลัง​สงคราม​ก็​ลำบาก​มาก เรา​เป็น​คน​เยอรมัน เรา​เลย​ถูก​เนรเทศ​ออก​จาก​เชโกสโลวะเกีย​แล้ว​ถูก​ส่ง​ตัว​กลับ​เยอรมนี สภาพ​บ้าน​เมือง​ใน​เยอรมนี​หลัง​สงคราม​มี​แต่​ซาก​ปรัก​หัก​พัง ผู้​คน​ก็​หดหู่​สิ้น​หวัง บาง​ครั้ง​น้า​ ๆ ​ของ​ฉัน​ต้อง​ยืน​ต่อ​คิว​ทั้ง​คืน​เพื่อ​จะ​ได้​ส่วน​แบ่ง​อาหาร​แค่​นิด​เดียว บาง​ที​เรา​ก็​ต้อง​เข้า​ป่า​ไป​เก็บ​ลูก​แบล็คเบอร์รี่​กับ​เห็ด​เพื่อ​เอา​มา​แลก​กับ​ขนมปัง อาหาร​ปัน​ส่วน​ที่​ประชาชน​ได้​รับ​จาก​รัฐบาล​นั้น​น้อย​มาก จน​สัตว์​เลี้ยง​ตาม​บ้าน​หาย​หน้า​ไป​ที​ละ​ตัว​สอง​ตัว​เพราะ​ถูก​ขโมย​ไป​เป็น​อาหาร หลาย​ครั้ง​เรา​ต้อง​เข้า​นอน​ทั้ง​ที่​ยัง​หิว

ครั้ง​แรก​ที่​ได้​รู้​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล

 ตา​กับ​ยาย​ของ​ฉัน​เป็น​คาทอลิก แต่​เรา​ไม่​มี​คัมภีร์​ไบเบิล บาทหลวง​ไม่​ยอม​ขาย​พระ​คัมภีร์​ให้​ตา​เพราะ​อ้าง​ว่า ฆราวาส​อย่าง​เรา​มี​หน้า​ที่​แค่​ไป​ฟัง​มิสซา​เท่า​นั้น ตา​เลย​มี​คำ​ถาม​คา​ใจ​หลาย​อย่าง​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า

 ตอน​ฉัน​อายุ 7 ขวบ มี​พยาน​พระ​ยะโฮวา 2 คน​มา​ที่​บ้าน​เรา พวก​เขา​เปิด​คัมภีร์​ไบเบิล​ตอบ​คำ​ถาม​ของ​ตา​เกี่ยว​กับ​ตรีเอกานุภาพ ไฟ​นรก และ​สภาพ​คน​ตาย ตา​พอ​ใจ​กับ​คำ​ตอบ​และ​รู้สึก​ว่า​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ชัดเจน​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​เหล่า​นั้น ท่าน​มั่น​ใจ​ว่า​ได้​พบ​ความ​จริง​แล้ว หลัง​จาก​นั้น​เรา​ทั้ง​ครอบครัว​ก็​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​สามี​ภรรยา​พยาน​ฯ​ ​คู่​นั้น

ตั้ง​เป้าหมาย​ใน​ชีวิต

 ถึง​ฉัน​จะ​ยัง​เด็ก แต่​ก็​รัก​พระ​ยะโฮวา ฉัน​ชอบ​อ่าน​บทความ​เกี่ยว​กับ​มิชชันนารี​ที่​ไป​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ใน​ต่าง​ประเทศ ฉัน​สงสัย​ว่า ‘พวก​เขา​อยู่​กัน​ยังไง? การ​ประกาศ​กับ​คน​ที่​ไม่​เคย​ได้​ยิน​ชื่อ​พระ​ยะโฮวา​เลย​จะ​เป็น​ยังไง​นะ?’

ไม่​นาน​ก่อน​ตั้ง​เป้าหมาย​ว่า​จะ​เป็น​มิชชันนารี

 พอ​อายุ 12 ปี ฉัน​ก็​ตัดสิน​ใจ​ว่า​อยาก​เป็น​มิชชันนารี​และ​เริ่ม​วาง​แผน​ทำ​ตาม​เป้าหมาย​นี้ เริ่ม​จาก​การ​พยายาม​เป็น​ผู้​ประกาศ​ข่าว​ดี​ที่​ขยัน​และ​กระตือรือร้น แล้ว​ฉัน​ก็​รับ​บัพติศมา​วัน​ที่ 12 ธันวาคม 1954 หลัง​จาก​นั้น​ก็​เป็น​ไพโอเนียร์ ฉัน​รู้สึก​ว่า​กำลัง​ขยับ​เข้า​ใกล้​เป้าหมาย​ไป​เรื่อย ๆ

 ฉัน​รู้​ว่า​ต้อง​พูด​ภาษา​อังกฤษ​ได้​ถึง​จะ​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​สำหรับ​มิชชันนารี​ได้ ฉัน​เลย​พยายาม​เรียน​ภาษา​อังกฤษ​อย่าง​หนัก ฉัน​คิด​ว่า​จะ​ลอง​ฝึก​ภาษา​กับ​ทหาร​อเมริกัน​ที่​อยู่​ใน​เยอรมนี วัน​หนึ่ง​ฉัน​ก็​เข้า​ไป​หา​ทหาร​คน​หนึ่ง​และ​พูด​ว่า “ฉัน​เป็น​พระ​คริสต์” เขา​มอง​หน้า​ฉัน​แล้ว​พูด​อย่าง​สุภาพ​ว่า “ผม​คิด​ว่า​คุณ​คง​อยาก​พูด​ว่า ‘ฉัน​เป็น​คริสเตียน’ ใช่​ไหม​ครับ?” ตอน​นั้น​ฉัน​เลย​รู้​ตัว​ว่า​ยัง​ต้อง​ฝึก​ภาษา​อังกฤษ​อีก​เยอะ

 พอ​อายุ​ประมาณ 20 นิด​ ๆ ฉัน​ก็​ย้าย​ไป​ประเทศ​อังกฤษ ฉัน​ทำ​งาน​เป็น​พี่​เลี้ยง​เด็ก​ให้​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ครอบครัว​หนึ่ง ฉัน​ทำ​งาน​เฉพาะ​ช่วง​เช้า​และ​ใช้​เวลา​ช่วง​บ่าย​ไป​ประกาศ​ตาม​บ้าน ซึ่ง​เป็น​โอกาส​ที่​ทำ​ให้​ฉัน​ได้​ฝึก​ภาษา​อังกฤษ​อย่าง​ดี หลัง​จาก​อยู่​ที่​อังกฤษ​ได้​หนึ่ง​ปี ฉัน​ก็​ใช้​ภาษา​ได้​คล่อง​ขึ้น​มาก

 ฉัน​กลับ​ไป​เยอรมนี และ​เดือน​ตุลาคม​ปี 1966 ก็​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ที่​เมือง​เมเชอร์นิช แต่​คน​ส่วน​ใหญ่​ใน​เขต​นั้น​มี​นิสัย​เย็นชา​ไม่​ต่าง​จาก​สภาพ​อากาศ​ที่​นั่น พวก​เขา​ไม่​เคย​ชวน​เรา​เข้า​บ้าน​เลย​แม้​แต่​ใน​วัน​ที่​อากาศ​หนาว​ติด​ลบ ฉัน​อธิษฐาน​บอก​พระ​ยะโฮวา​บ่อย​ ๆ ​ว่า “ถ้า​วัน​ไหน​พระองค์​ให้​ดิฉัน​ได้​เป็น​มิชชันนารี ได้​โปรด​ส่ง​ดิฉัน​ไป​ประเทศ​ที่​อากาศ​ร้อน​ด้วย​เถอะ”

ทำ​ตาม​เป้าหมาย​ได้​สำเร็จ

 หลัง​จาก​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ไม่​กี่​เดือน พระ​ยะโฮวา​ก็​ให้​ฉัน​ได้​รับ​สิ่ง​ที่​ใฝ่ฝัน​มา​นาน ฉัน​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​โรง​เรียน​กิเลียด​สำหรับ​มิชชันนารี​ชั้น​เรียน​ที่ 44 และ​เรียน​จบ​วัน​ที่ 10 กันยายน 1967 ฉัน​ถูก​ส่ง​ไป​รับใช้​ที่​ไหน? ประเทศ​นิการากัว​ใน​อเมริกา​กลาง​ซึ่ง​มี​อากาศ​ร้อน​และ​สวย​งาม! พี่​น้อง​มิชชันนารี​ที่​นั่น​ต้อนรับ​ฉัน​กับ​เพื่อน​อีก 3 คน​อย่าง​อบอุ่น ฉัน​รู้สึก​เหมือน​อัครสาวก​เปาโล​ที่ “ขอบคุณ​พระเจ้า​และ​มี​กำลังใจ” เมื่อ​ได้​เจอ​พี่​น้อง—กิจการ 28:15

โรง​เรียน​กิเลียด (ฉัน​อยู่​ด้าน​ซ้าย) กับ​ฟรานซิส​และ​มาร์กาเร็ต ชิปลีย์ เพื่อน​ร่วม​ชั้น

 ฉัน​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ที่​เมือง​เลออน และ​ตั้งใจ​จะ​เรียน​ภาษา​สเปน​ให้​เร็ว​ที่​สุด แต่​มัน​ก็​ยาก​มาก ถึง​ฉัน​จะ​ทุ่มเท​เวลา​วัน​ละ 11 ชั่วโมง​ใน​การ​เรียน​ภาษา​สเปน​อยู่​นาน 2 เดือน ฉัน​ก็​ยัง​ใช้​ภาษา​ได้​ไม่​ค่อย​คล่อง

 ฉัน​จำ​ได้​ว่า​มี​วัน​หนึ่ง เจ้า​ของ​บ้าน​ถาม​ว่า​อยาก​ได้​เฟรสโก​ไหม สำหรับ​ชาว​นิการากัว​คำ​นี้​หมาย​ถึง​น้ำ​ผลไม้ ฉัน​คิด​ว่า​ตอน​นั้น​ฉัน​ตอบ​เธอ​ไป​ว่า​ฉัน​ดื่ม​ได้​แต่ “น้ำ​กรอง” ผู้​หญิง​คน​นั้น​ก็​มอง​หน้า​ฉัน​งง​ ๆ ไม่​กี่​วัน​ต่อ​มา​ฉัน​ก็​มา​รู้​ว่า​ภาษา​สเปน​ของ​ฉัน​ยัง​แย่​มาก เพราะ​ฉัน​ตอบ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​ไป​ว่า ฉัน​ดื่ม​ได้​แต่ “น้ำ​ศักดิ์สิทธิ์”! ยัง​ดี​ที่​ต่อ​มา​ฉัน​เริ่ม​ใช้​ภาษา​สเปน​ดี​ขึ้น​เรื่อย​ ๆ

กับ​มาเกอริท เพื่อน​ที่​เป็น​มิชชันนารี​ด้วย​กัน 17 ปี

 ฉัน​มี​นัก​ศึกษา​หลาย​คน ปกติ​แล้ว​ฉัน​มัก​จะ​นำ​การ​ศึกษา​กับ​ทั้ง​ครอบครัว ฉัน​รู้สึก​ว่า​ที่​เมือง​เลออน​ปลอด​ภัย​ดี ฉัน​เลย​ชอบ​ไป​ศึกษา​ตอน​ค่ำ บาง​ที​ก็​ศึกษา​กัน​จน​ถึง 4 ทุ่ม ฉัน​รู้​จัก​ชื่อ​คน​ใน​เมือง​แทบ​ทุก​คน เวลา​กลับ​บ้าน​ตอน​กลางคืน​ฉัน​จะ​ชอบ​แวะ​ทักทาย​เพื่อน​บ้าน​ที่​ออก​มา​นั่ง​เก้าอี้​โยก​เพื่อ​รับ​ลม​เย็น​ ๆ ​หน้า​บ้าน

 ฉัน​ได้​ช่วย​หลาย​คน​ใน​เมือง​เลออน​ให้​มา​เรียน​ความ​จริง มี​คน​หนึ่ง​ชื่อ​นูเบีย เธอ​มี​ลูก​ชาย​เล็ก​ ๆ 8 คน เรา​ศึกษา​กัน​จน​ถึง​ปี 1976 แล้ว​ฉัน​ก็​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ย้าย​ไป​มานากัว หลัง​จาก​นั้น​เรา​ก็​ขาด​การ​ติด​ต่อ​กัน จน​ผ่าน​ไป 18 ปี ฉัน​กลับ​ไป​เลออน​อีก​ครั้ง​เพื่อ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่ ระหว่าง​ช่วง​พัก​กลางวัน​มี​หนุ่ม​ ๆ ​หลาย​คน​เข้า​มา​รุม​ล้อม​ฉัน พวก​เขา​คือ​ลูก​ชาย​ของ​นูเบีย! ฉัน​ตื่นเต้น​และ​ดีใจ​มาก​ที่​รู้​ว่า​นูเบีย​เลี้ยง​ลูก​ชาย​ทุก​คน​ให้​รัก​ความ​จริง

การ​เป็น​มิชชันนารี​ใน​ช่วง​ที่​ยาก​ลำบาก

 ช่วง​ปลาย​ทศวรรษ 1970 มี​การ​เปลี่ยน​แปลง​ครั้ง​ใหญ่​ทาง​สังคม​และ​การ​เมือง​ใน​นิการากัว แต่​เรา​ก็​ยัง​ทำ​งาน​ประกาศ​อย่าง​เต็ม​ที่​ต่อ​ไป​เท่า​ที่​ทำ​ได้ ใน​เขต​มอบหมาย​ของ​ฉัน​ที่​มาซา​ยา​ซึ่ง​อยู่​ทาง​ใต้​ของ​เมือง​หลวง เรา​มัก​จะ​ได้​ยิน​ผู้​ชุมนุม​ประท้วง​และ​กลุ่ม​กบฏ​ติด​อาวุธ​ส่ง​เสียง​ดัง​อยู่​บ่อย​ ๆ มี​คืน​หนึ่ง​ระหว่าง​ที่​เรา​ประชุม​กัน เรา​ต้อง​ลง​ไป​นอน​ราบ​กับ​พื้น​หอ​ประชุม​เพื่อ​ความ​ปลอด​ภัย เพราะ​มี​การ​ยิง​ต่อ​สู้​กัน​อย่าง​ดุเดือด​ระหว่าง​กลุ่ม​ซานดินิสตา​กับ​ทหาร​รัฐบาล a

 อีก​วัน​หนึ่ง ตอน​ที่​ฉัน​กำลัง​ประกาศ​อยู่​ก็​เจอ​นัก​รบ​ซานดินิส​ตา​ที่​ใส่​หน้ากาก​ปิด​หน้า​กำลัง​ยิง​ต่อ​สู้​กับ​ทหาร​คน​หนึ่ง ฉัน​พยายาม​หนี แต่​ก็​มี​นัก​รบ​หน้ากาก​โผล่​มา​อีก​หลาย​คน ฉัน​วิ่ง​หา​ที่​หลบ​แต่​หา​ไม่​ได้ แล้ว​ก็​มี​กระสุน​ห่า​ใหญ่​สาด​ลง​มา​จาก​เฮลิคอปเตอร์​ของ​รัฐบาล ทันใด​นั้น ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ก็​เปิด​ประตู​บ้าน​ออก​มา​ดึง​ตัว​ฉัน​เข้า​ไป​ข้าง​ใน ฉัน​รู้สึก​เลย​ว่า​พระ​ยะโฮวา​มา​ช่วย​ฉัน​ไว้!

ถูก​เนรเทศ!

 ฉัน​รับใช้​ใน​มาซา​ยา​จน​ถึง​วัน​ที่ 20 มีนาคม 1982 ซึ่ง​เป็น​วัน​ที่​ฉัน​ไม่​มี​วัน​ลืม ตอน​ที่​ฉัน​กับ​เพื่อน​มิชชันนารี​อีก 5 คน​กำลัง​จะ​กิน​อาหาร​เช้า เรา​เห็น​ทหาร​ซานดินิสตา​กลุ่ม​หนึ่ง​พร้อม​อาวุธ​เดิน​เข้า​มา​ใน​สวน​หลัง​บ้าน​พัก​มิชชันนารี พวก​เขา​ตรง​เข้า​มา​ใน​ห้อง​อาหาร แล้ว​คน​หนึ่ง​ก็​พูด​เสียง​ดัง​ว่า “พวก​คุณ​มี​เวลา 1 ชั่วโมง เก็บ​เสื้อ​ผ้า​ใส่​กระเป๋า​คน​ละ​ใบ แล้ว​ไป​กับ​เรา”

 พวก​ทหาร​พา​เรา​ไป​ที่​ฟาร์ม​แห่ง​หนึ่ง กัก​ตัว​เรา​ไว้​ที่​นั่น​หลาย​ชั่วโมง หลัง​จาก​นั้น​ก็​พา​เรา 4 คน​ขึ้น​รถ​บัส​เล็ก​ไป​ชายแดน​ด้าน​ที่​ติด​กับ​คอสตาริกา แล้ว​ไล่​เรา​ออก​นอก​ประเทศ ช่วง​นั้น​มี​มิชชันนารี​ที่​ถูก​เนรเทศ​รวม 21 คน

 พี่​น้อง​จาก​คอสตาริกา​มา​รับ​เรา และ​เช้า​วัน​ต่อ​มา​เรา​ก็​มา​ถึง​สำนักงาน​สาขา​ที่​ซานโฮเซ เรา​อยู่​ที่​นั่น​ประมาณ 10 วัน แล้ว​พวก​เรา​มิชชันนารี 8 คน​ก็​เดิน​ทาง​ไป​ที่​เขต​งาน​ใหม่​ใน​ฮอนดูรัส

รับใช้​ที่​ฮอนดูรัส

 ใน​ฮอนดูรัส ฉัน​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​ที่​เตกูชิกัลปา ช่วง 33 ปี​ที่​รับใช้​ใน​เมือง​นี้​ฉัน​ได้​เห็น 1 ประชาคม​เติบโต​จน​กลาย​เป็น 8 ประชาคม แต่​น่า​เสียดาย​ที่​ช่วง​หลัง​เตกูชิกัลปา​มี​อาชญากรรม​และ​ความ​รุนแรง​เพิ่ม​ขึ้น​มาก มี​ขโมย​เยอะ และ​ฉัน​ถูก​จี้​หลาย​ครั้ง พวก​สมาชิก​แก๊ง​ก็​เคย​มา​ไถ​เงิน​ฉัน พวก​เขา​เรียก​ว่า “ภาษี​สงคราม” ฉัน​มัก​จะ​บอก​พวก​เขา​ว่า “ฉัน​มี​อย่าง​อื่น​ที่​มี​ค่า​กว่า​เงิน​อีก​นะ” แล้ว​ก็​ยื่น​แผ่น​พับ​หรือ​วารสาร​ให้​พวก​เขา และ​พวก​เขา​ก็​จะ​ปล่อย​ตัว​ฉัน​ทุก​ครั้ง

 จริง​ ๆ ​แล้ว​คน​ส่วน​ใหญ่​ใน​เตกูชิกัลปา​เป็น​คน​รัก​สงบ​และ​ใจ​ดี ฉัน​ได้​ช่วย​บาง​คน​ให้​เรียน​ความ​จริง​ด้วย อย่าง​เช่น เบตตี นัก​ศึกษา​คน​หนึ่ง​ที่​ก้าว​หน้า​เร็ว​มาก แต่​วัน​หนึ่ง​เธอ​ก็​มา​บอก​ฉัน​ว่า​เธอ​จะ​ไป​เข้า​โบสถ์​อีแวนเจลิคัล ฉัน​เสียใจ​และ​ผิด​หวัง​มาก แต่​หลัง​จาก​นั้น 2 ปี เบตตี​ก็​ออก​จาก​โบสถ์​นั้น​แล้ว​กลับ​มา​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ฉัน ทำไม​ล่ะ? ก็​เพราะ​เบตตี​คิด​ถึง​ความ​รัก​ที่​จริง​ใจ​ที่​เธอ​ได้​เห็น​ใน​หอ​ประชุม​ของ​เรา (ยอห์น 13:34, 35) เธอ​บอก​ฉัน​ว่า “พวก​คุณ​ต้อนรับ​ทุก​คน​อย่าง​อบอุ่น ไม่​ว่า​จะ​รวย​หรือ​จน พวก​คุณ​ไม่​เหมือน​ศาสนา​อื่น” หลัง​จาก​นั้น​เบตตี​ก็​รับ​บัพติศมา

 บ้าน​มิชชันนารี​ใน​เตกูชิกัลปา​ถูก​ปิด​ใน​ปี 2014 ฉัน​ได้​รับ​งาน​มอบหมาย​ใหม่​ให้​ไป​ปานามา ตอน​นี้​ฉัน​อยู่​ใน​บ้าน​มิชชันนารี​กับ​เพื่อน​มิชชันนารี​อีก 4 คน​ที่​รับใช้​อย่าง​ซื่อสัตย์​มา​หลาย​สิบ​ปี

การ​ทำ​ตาม​เป้าหมาย​ใน​งาน​รับใช้​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​แท้

 ตอน​นี้​ฉัน​เป็น​มิชชันนารี​มา 55 ปี​แล้ว ช่วง​หลัง​ ๆ ​ฉัน​มี​ปัญหา​สุขภาพ​เลย​รับใช้​ได้​ไม่​มาก​เหมือน​เมื่อ​ก่อน แต่​พระ​ยะโฮวา​ก็​ช่วย​ฉัน​ให้​ยัง​กระตือรือร้น​และ​สอน​เรื่อง​พระองค์​ให้​กับ​คน​อื่น​ ๆ ​ได้

 ที่​จริง ฉัน​จะ​ใช้​ชีวิต​เพื่อ​เป้าหมาย​อย่าง​อื่น​ก็​ได้ แต่​ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น ฉัน​คง​พลาด​โอกาส​ที่​จะ​ได้​พร​หลาย​อย่าง ฉัน​มี​ลูก​หลาน​ใน​ความ​เชื่อ​มาก​กว่า 50 คน​และ​มี​เพื่อน​อีก​มาก​มาย ฉัน​มี “ครอบครัว​ใหญ่” ที่​อบอุ่น​และ​ยัง​ได้​รับ​ความ​รัก​และ​การ​สนับสนุน​จาก​น้า​สเตฟฟี​ที่​อยู่​ใน​เยอรมนี​ด้วย

 ถึง​ฉัน​จะ​ไม่​ได้​แต่งงาน แต่​ฉัน​ก็​ไม่​เคย​เหงา พระ​ยะโฮวา​อยู่​กับ​ฉัน​เสมอ​และ​ฉัน​ก็​มี​เพื่อน​ที่​น่า​รัก​หลาย​คน เช่น มาเกอริท ฟอสเตอร์ คู่​หู​มิชชันนารี​ที่​รับใช้​ด้วย​กัน 17 ปี เรา​มี​ประสบการณ์​ที่​ดี​ร่วม​กัน​มาก​มาย​และ​สนิท​กัน​จน​ถึง​เดี๋ยว​นี้—สุภาษิต 18:24

 สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​ฉัน​อิ่ม​ใจ​มาก​ที่​สุด​คือ​การ​รู้​ว่า​ฉัน​ได้​ใช้​ชีวิต​ใน​แนว​ทาง​ที่​ดี​ที่​สุด​แล้ว เพราะ​ฉัน​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​เต็ม​ที่​สุด​ความ​สามารถ​ของ​ฉัน ฉัน​ได้​ทำ​ตาม​เป้าหมาย​ที่​ฝัน​ไว้​ตั้งแต่​เด็ก และ​มี​ประสบการณ์​ที่​น่า​ตื่นเต้น​หลาย​อย่าง ฉัน​มี​ความ​สุข​จริง​ ๆ และ​รอ​คอย​เวลา​ที่​จะ​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ตลอด​ไป

a แนว​ร่วม​ปลด​ปล่อย​แห่ง​ชาติ​ซานดินิสตา​แผ่​อิทธิพล​ไป​ทั่ว​นิการากัว​ใน​ช่วง​ทศวรรษ 1970 และ​ใน​ที่​สุด​ก็​โค่น​ล้ม​รัฐบาล​ของ​ตระกูล​ใหญ่​ที่​ปกครอง​ประเทศ​มา​นาน​กว่า 40 ปี